การตลาดออนไลน์ 2022, ศัพท์การตลาด, เทรนด์การตลาด

ศัพท์การตลาดออนไลน์ Digital Marketing อัพเดท 2024 ที่นักการตลาดต้องรู้

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเปิดร้านที่ไหน การทำการตลาดก็ต้องมาคู่กัน ซึ่งการขายของในโลกออนไลน์ การตลาดก็ต้องเป็นการตลาดออนไลน์ แต่ความรู้เยอะแยะลายตาไปหมด เราจะเริ่มตรงไหนดี?

WOW ชวนให้เริ่มต้นจาก ศัพท์การตลาด เพราะการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing (ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง) นั้นมักใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่

WOW รวบรวมคำศัพท์การตลาดดิจิตอลไว้ที่นี่ ที่พบบ่อย ใช้บ่อย ได้ใช้จริง ศัพท์การตลาด เรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ A – Z


 


A

1. A/B Testing: การทดสอบเปรียบเทียบระหว่างสองเวอร์ชันเพื่อดูว่าอันไหนมีประสิทธิภาพดีกว่า

2. Abandonment Rate: อัตราการทิ้งร้านค้าออนไลน์โดยไม่ซื้อสินค้า

3. Ad Extensions: ส่วนเสริมของโฆษณาที่แสดงข้อมูลเพิ่มเติม

4. Affiliate Marketing: การตลาดแบบพันธมิตร โดยได้ค่าคอมมิชชันจากการขายสินค้าหรือบริการ

5. Agile Marketing: การทำการตลาดแบบยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว

6. AI in Marketing: การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด

7. Algorithm: ขั้นตอนและวิธีการทำงานของโปรแกรม เช่น Algorithm ของ Google ในการจัดอันดับเว็บไซต์

8. Analytics: เครื่องมือวิเคราะห์ วัดผล พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์

9. Anchor Text: ตัวอักษร ตัวหนังสือ วลี ประโยค ที่ผู้สร้างเว็บไซต์ฝังลิงก์เว็บเพจที่ต้องการ

10. API (Application Programming Interface): ระบบซอฟต์แวร์ตัวกลางที่ทำให้แอปพลิเคชันหรือระบบสื่อสารกันได้

11. Augmented Reality (AR) Marketing: การใช้เทคโนโลยี AR ในการทำการตลาด


B

12. Backlink: ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของเรา

13. Blockchain in Marketing: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการตลาด

14. Bounce Rate: อัตราการออกจากเว็บไซต์หลังจากดูเพียงหน้าเดียว

15. Brand Awareness: การรับรู้และจดจำแบรนด์ของผู้บริโภค

16. Business Intelligence (BI): การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเพื่อตัดสินใจทางการตลาด


C

17. Call to Action (CTA): ข้อความหรือปุ่มที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ทำการบางอย่าง เช่น “ซื้อเลย” หรือ “สมัครตอนนี้”

18. Chatbot: โปรแกรมตอบกลับอัตโนมัติ ใช้ในการบริการลูกค้า

19. Click-Through Rate (CTR): อัตราการคลิกลิงก์ในอีเมลหรือโฆษณา

20. Content Marketing: การสร้างและแจกจ่ายเนื้อหาที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

21. Conversion Rate: อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าหรือทำตามเป้าหมายที่ต้องการ

22. Conversion Funnel: ขั้นตอนที่ผู้ใช้ผ่านก่อนจะกลายเป็นลูกค้า

23. CPA (Cost Per Action): ราคาโฆษณาที่จ่ายต่อการกระทำที่ต้องการ 1 ครั้ง

24. CPC (Cost Per Click): ราคาที่ต้องจ่ายต่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง

25. CPM (Cost Per Mille): ราคาค่าโฆษณาต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง

26. CRM (Customer Relationship Management): ระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า

27. Customer Journey: เส้นทางการตัดสินใจซื้อของลูกค้าตั้งแต่รู้จักสินค้าจนถึงการซื้อ

28. Customer Lifetime Value (CLV): มูลค่ารวมที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าตลอดความสัมพันธ์


D

29. Dark Post: โฆษณาบนโซเชียลมีเดียที่ไม่ปรากฏบนหน้า Timeline ของแบรนด์

30. Data-Driven Marketing: การใช้ข้อมูลเป็นหลักในการตัดสินใจทางการตลาด

31. Dark Mode Optimization: การปรับแต่งเว็บไซต์และอีเมลให้รองรับการแสดงผลในโหมดมืด

32. Digital Marketing Funnel: ขั้นตอนการตลาดดิจิทัลตั้งแต่สร้างการรับรู้จนถึงการซื้อซ้ำ

33. Domain Authority: คะแนนที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในสายตาของ Search Engine

34. Dynamic Content: เนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมหรือข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน

 

 

รับทำเว็บไซต์บริษัททัวร์


E

35. E-commerce: การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต

36. Email Marketing: การส่งอีเมลเพื่อสื่อสารกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย

37. Engagement Rate: อัตราการมีส่วนร่วมของผู้ใช้กับเนื้อหาหรือโฆษณา

38. Ephemeral Content: เนื้อหาที่หายไปหลังจากระยะเวลาสั้นๆ เช่น Instagram Stories

39. Evergreen Content: เนื้อหาที่ไม่ล้าสมัยและให้คุณค่าแก่ผู้อ่านได้ในระยะยาว


F

40. Facebook Pixel: เครื่องมือติดตามพฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์เพื่อทำโฆษณาบน Facebook

41. Funnel Marketing: การตลาดที่แบ่งตามขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า


G

42. GDPR (General Data Protection Regulation): กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป

43. Geotargeting: การกำหนดเป้าหมายโฆษณาตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

44. Google Analytics: เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์

45. Growth Hacking: เทคนิคการเติบโตแบบรวดเร็วโดยใช้การทดลองและวิเคราะห์ข้อมูล


H

46. Hashtag: คำหรือวลีที่นำหน้าด้วย # ใช้ในการจัดหมวดหมู่เนื้อหา

47. Heatmap: แผนที่แสดงพื้นที่ที่ผู้ใช้สนใจหรือคลิกมากที่สุดบนเว็บไซต์

48. Hyper-Personalization: การปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าอย่างละเอียดด้วย AI และ Big Data


I

49. Inbound Marketing: กลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่า

50. Influencer Marketing: การใช้ผู้มีอิทธิพลในการโปรโมทสินค้าหรือบริการ

51. Instagram Shopping: ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าได้โดยตรงจาก Instagram

52. Intent-Based Marketing: การตลาดที่มุ่งเน้นความตั้งใจของผู้บริโภค


K

53. Key Performance Indicator (KPI): ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญในการตลาด

54. Keyword: คำหรือวลีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูล

55. Keyword Research: การค้นหาและวิเคราะห์คำค้นที่กลุ่มเป้าหมายใช้ใน Search Engine


L

56. LinkedIn Ads: แพลตฟอร์มโฆษณาบน LinkedIn สำหรับการตลาด B2B

57. Landing Page: หน้าเว็บที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อรับผู้เข้าชมจากโฆษณาหรือแคมเปญ

58. Lead Generation: กระบวนการสร้างและรวบรวมข้อมูลผู้ที่สนใจสินค้าหรือบริการ

549. Lookalike Audience: กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันของคุณ


M

60. Machine Learning in Marketing: การใช้ระบบเรียนรู้อัตโนมัติในการวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด

61. Marketing Automation: การใช้ซอฟต์แวร์ทำงานการตลาดแบบอัตโนมัติ

62. Meta Description: ข้อความสั้นๆ ที่อธิบายเนื้อหาของหน้าเว็บ

63. Micro-Moments: ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผู้บริโภคต้องการข้อมูลหรือต้องการซื้อสินค้าทันที

64. Mobile-First Indexing: การที่ Google ให้ความสำคัญกับเวอร์ชันมือถือของเว็บไซต์มากกว่าเวอร์ชันเดสก์ท็อป

65. Micro-Influencer: ผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามไม่มากแต่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน


N

66. Native Advertising: โฆษณาที่ผสมกลมกลืนกับเนื้อหารอบข้าง ทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณา

67. Niche Marketing: การตลาดที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

68. Neuromarketing: การใช้ความรู้ด้านประสาทวิทยาในการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค


O

69. Omnichannel Marketing: การตลาดที่ผสมผสานทุกช่องทางให้เป็นประสบการณ์เดียวกัน

70. Organic Search: การค้นหาแบบธรรมชาติ ไม่ใช่จากโฆษณา

71. Outbound Marketing: การตลาดแบบดั้งเดิมที่ส่งข้อความออกไปหากลุ่มเป้าหมาย


P

72. Pay-Per-Click (PPC): โมเดลโฆษณาที่จ่ายเงินเมื่อมีคนคลิกโฆษณา

73. Personalization: การปรับแต่งเนื้อหาหรือประสบการณ์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

74. Podcast Marketing: การใช้พอดแคสต์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด

75. Pinterest Ads: แพลตฟอร์มโฆษณาบน Pinterest ที่เน้นภาพและการค้นพบสินค้า

76. Programmatic Advertising: การซื้อและขายโฆษณาแบบอัตโนมัติโดยใช้ AI


Q

77. Quality Score: คะแนนที่ Google ให้กับโฆษณาเพื่อกำหนดตำแหน่งและราคา

78. Quantum Computing in Marketing: การใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมในการประมวลผลข้อมูลการตลาดขนาดใหญ่

 


R

79. Remarketing: การโฆษณาซ้ำกับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือแอปของเรา

80. ROI (Return on Investment): ผลตอบแทนจากการลงทุนในการตลาด

81. RSS Feed: ระบบส่งข้อมูลอัปเดตจากเว็บไซต์ไปยังผู้ติดตาม

82. Responsive Design: การออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์


S

83. SEO (Search Engine Optimization): การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหา

84. Social Media Marketing: การทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

85. SEM (Search Engine Marketing): การทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา ทั้งแบบเสียเงินและไม่เสียเงิน

86. Storytelling in Marketing: การใช้เรื่องราวในการสื่อสารการตลาด

87. Social Proof: การแสดงความน่าเชื่อถือผ่านการรับรองหรือความนิยมจากผู้อื่น


T

88. Tiktok Marketing: การทำการตลาดบนแพลตฟอร์ม TikTok ด้วยวิดีโอสั้น

89. Traffic: จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

90. Targeted Advertising: การโฆษณาที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง

91. Tracking Pixel: โค้ดที่ใช้ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซ


U

92. User Experience (UX): ประสบการณ์โดยรวมของผู้ใช้เมื่อใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

93. User-Generated Content (UGC): เนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้หรือลูกค้า

94. URL Shortener: เครื่องมือย่อ URL ให้สั้นลงเพื่อสะดวกในการแชร์และติดตามผล


V

95. Viral Marketing: การตลาดที่กระตุ้นให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหาอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง

96. Visual Search: การค้นหาด้วยภาพแทนการพิมพ์ข้อความ

97. Voice Search Optimization: การปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับการค้นหาด้วยเสียง

98. Video Marketing: การใช้วิดีโอในการทำการตลาดและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย


W

99. Web Analytics: การวิเคราะห์พฤติกรรมและการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์

100. Webinar: การสัมมนาออนไลน์ที่ใช้ในการให้ความรู้หรือโปรโมทสินค้า

101. White Hat SEO: เทคนิค SEO ที่ถูกต้องตามกฎของ Google


X

102. XML Sitemap: แผนผังเว็บไซต์ในรูปแบบ XML ที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์


Y

103. YouTube Analytics: เครื่องมือวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวิดีโอและช่องบน YouTube

104. Yoast SEO: ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมสำหรับการทำ SEO


Z

105. Zero-Click Search: ผลการค้นหาที่แสดงคำตอบโดยตรงบนหน้า SERP โดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์

 

ศัพท์การตลาดเพิ่มเติม

301 Redirect 
การเปลี่ยนเส้นทาง จากหน้าเว็บหนึ่งไปยังหน้าเว็บหนึ่งแบบถาวร

302 Redirect
การเปลี่ยนเส้นทาง จากหน้าเว็บหนึ่งไปยังหน้าเว็บหนึ่งแบบชั่วคราว ซึ่งต่างจากแบบ 301 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแบบถาวร

Error 404
ลิงค์เว็บหรือเว็บเพจเสีย  เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถแสดงหน้าเว็บเพจที่ผู้ใช้งานร้องขอได้

 

 

อ้างอิง :

       geekpoweredstudios.com

อยากทำเว็บไซต์ธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง ปรึกษา WOW ฟรีที่นี่

รับบทความใหม่ ไปอ่านก่อนใครไหม?

ทำธุรกิจออนไลน์ด้วยความรู้อัปเดต เข้าใจง่าย ได้ยอดขายดีจริงๆ กันดีกว่า!

บทความน่าอ่านในหมวดเดียวกัน

why-we-need-blog
Marketing

15 เหตุผลทำไมต้องมี Blog

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมแบรนด์ดังๆ ถึงทุ่มเทเวลาและทรัพยากรมากมายไปกับการทำบล็อก? หรือบางทีคุณอาจกำลังคิดว่า… “ธุรกิจของเราเล็กเกินไป ยังไม่จำเป็นต้องทำบล็อกหรอก” “ลูกค้าของเราไม่น่าจะสนใจอ่านบล็อก” “เรามีโซเชียลมีเดียแล้ว บล็อกคงไม่สำคัญเท่าไหร่” “ไม่มีเวลาพอจะมาทำบล็อกหรอก มีงานอื่นที่สำคัญกว่า” ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ บทความนี้มีไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ 15 เหตุผลต่อไปนี้จะเปิดมุมมองใหม่ให้คุณเห็นว่า ทำไมแบรนด์ระดับโลกถึงให้ความสำคัญกับการทำบล็อก และทำไมธุรกิจของคุณไม่ควรรอช้าที่จะเริ่มต้นทำบล็อกตั้งแต่วันนี้ 1. Blog สร้างลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่าการยิงโฆษณาถึง 3 เท่า รู้ไหมว่าการทำบล็อกให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งแค่ไหน? ลองนึกภาพดูว่าคุณมีบล็อกที่เขียนดี มีเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย แค่นี้คุณก็มีโอกาสได้ลูกค้ามากกว่าการลงโฆษณาถึง

blog-content-seo-strategy
SEO

กลยุทธ์การเขียน Blog ให้ติด SEO อย่างมีประสิทธิภาพ 7 ขั้นตอน

การทำบล็อกให้ติดอันดับ Google เป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2024 เทคนิค SEO สำหรับบล็อกที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยประหยัดงบประมาณการโฆษณา แต่ยังสร้างทราฟฟิกระยะยาวให้กับเว็บไซต์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ B2B ที่ต้องการวิธีทำบล็อกให้ติดหน้าแรก บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์การเขียนบล็อกและการทำ SEO บล็อกที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้อย่างยั่งยืน พร้อมเทคนิคการทำบล็อกให้น่าสนใจที่นำไปใช้ได้จริง   เข้าใจพื้นฐานก่อนเริ่มต้น การเขียนบล็อกให้ติด SEO ไม่ใช่แค่การใส่คำค้นหาลงไปในเนื้อหา แต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายทางธุรกิจของคุณอย่างลึกซึ้ง มาดูขั้นตอนสำคัญทั้ง 7