“Work From Home” เริ่มเป็นนโยบายการทำงานที่บริษัทในไทยหันมาสนใจมากขึ้น จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ในไทยช่วงเดือนมี.ค. 2563 จนทุกวันนี้ การ work from home หรือ WFH ที่ใช้เขียนกันย่อๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงานไปแล้ว
แต่ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ work from home เป็นเรื่องใหม่มากสำหรับบริษัทในไทย เพราะปัจจัยต่างๆ เช่น รูปแบบของธุรกิจที่แต่เดิมการเข้าออฟฟิศเป็นข้อบังคับ ความพร้อมด้านทรัพยากรในบริษัทเอง
ไปจนถึง “ทัศนคติ” ของผู้บริหารจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การWork From Home อาจลดประสิทธิภาพการทำงานลง เช่น คุยงานลำบาก ไม่ตั้งใจทำงาน ทำงานไม่เต็มเวลา เข้างานช้า เลิกงานก่อนเวลา ฯลฯ และนำไปสู่การไม่สร้างผลงานที่ดีของพนักงาน
ก่อนจะปักใจเชื่อหรือค้านกับวิธีทำงานจากบ้าน WOW มี 4 ความเชื่อ เกี่ยวกับการทำงานจากบ้าน ที่คนทำงานจากบ้านตัวจริงแนะนำว่า ไม่จริงและให้โยนทิ้งไปได้เลย!
ทำงานอยู่บ้าน บนโต๊ะทำงานที่คุ้นเคย กาแฟหอมๆ จากแก้วใบโปรด (จริงดิ่?)
1. “คนWork From Home มักขี้เกียจและไม่ค่อยทำงาน”
ความเป็นจริง : พนักงานที่Work From Home จำนวนมาก รู้สึกว่า ชั่วโมงการทำงานของพวกเขายาวนานกว่าพนักงานเข้าออฟฟิศที่มีเวลาทำงานและเลิกงานที่ชัดเจนในออฟฟิศ
สิ่งที่พวกเขาจะได้คือ ความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาการทำงาน เพื่อให้เข้ากับไลฟสไตล์ของพวกเขามากกว่า แต่ก็จะเกิดขึ้น หากพวกเขาปรับตัวเข้ากับการทำงานที่บ้านได้
นอกจากนี้ พนักงานที่ประสบความสำเร็จในการWork From Home ยังมองว่า การทำงานที่บ้านมีสิ่งรบกวนน้อยกว่า ทำให้โฟกัสงานที่ทำในแต่ละวันได้มากกว่าด้วย
2. “คนทำงานจากบ้านไม่มีสังคม เข้ากับทีมยาก”
ความเป็นจริง : ด้วยเครื่องมือออนไลน์และระบบการรายงานตัวหรือการประชุม พนักงานที่ทำงานจากบ้านเป็นประจำ จะเห็นถึงความสำคัญของการติดต่อผู้ร่วมงาน ทีมงาน หรือแผนกอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งการที่ต้องจัดตารางการประชุมพูดคุยอย่างชัดเจนยังทำให้พนักงานWork From Home จัดตารางชีวิตด้านอื่นๆ รวมถึงเรื่องส่วนตัวได้ดีขึ้น
เพราะคนจำนวนไม่น้อยจะพยายามจัดตารางให้อยู่เป็นตารางเดียวกัน นั่นก็หมายถึง การจัดตารางชีวิตส่วนตัวให้เห็นในตารางทำงาน (ซึ่งเป็นภาคบังคับ) เพื่อให้ตัวเองไม่สับสน
3. “พนักงาน Work From Home จะแบ่งเวลาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น”
ความเป็นจริง : Work-Life Balance หรือ สมดุลการใช้ชีวิต เคยเป็นเป้าหมายที่สำคัญของคนทำงาน แต่ปัจจุบันต้องเรียกว่าเป็น “ความฝัน” เสียมากกว่า เพราะการแบ่งเวลาให้สองเรื่องสำคัญอย่าง การทำงานและชีวิตส่วนตัว อย่างเท่าเทียมกันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ทุกอาชีพ แต่แนวคิด “ใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่น” ดูมีความเป็นไปได้จริงมากกว่าขึ้นมาแทน
สำหรับพนักงานที่Work From Home แบบได้ทำงานจริงๆ กลับมองต่างไปว่า พวกเขารู้สึกกดดันจากคนรอบข้างมากกว่าเดิม
ในช่วงแรกคนทำงานส่วนใหญ่จะทำทุกวิถีทางเพื่อแสดงให้หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่องค์กรเห็นว่า พวกเขาสามารถทำงานได้ดีเยี่ยมไม่ต่างกับการทำงานที่ออฟฟิศ จนอาจถึงขั้นไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาชีวิตส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
ทางแก้หรือแผนระยะยาวของพนักงานทำงานที่บ้านส่วนมาก ไม่เพียงแค่ต้องจัดเวลาให้กับตัวเองอย่างชัดเจน แต่ยังต้องชี้แจงตรงๆ กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนที่บ้านด้วยถึงเวลาทำงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและเสี่ยงกับการถูกกิจกรรมที่บ้านดึงเวลางานไปง่ายกว่าคนนั่งทำงานที่ออฟฟิศมากกว่าด้วย
อ่านเพิ่มเติม : “รุ่งเรืองท่ามกลางรุ่งริ่ง” ส่องกลุ่มธุรกิจที่ขายดีช่วง “โควิด-19” เขาทำยังไงบ้าง?
4. “พนักงานที่ไม่เข้าออฟฟิศมีทางได้เลื่อนขั้นน้อย”
ความเป็นจริง : บริษัทที่คุ้นชินกับการเห็นพนักงานนั่งทำงานในออฟฟิศตลอดเวลา จะนึกภาพพนักงานที่ไม่ค่อยเข้าออฟฟิศเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้าคนไม่ออก
แต่ในความจริงแล้ว หากประเมินที่ผลงาน พนักงานที่สามารถจัดการหรือพัฒนาผลงานการทำงานไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็ได้ได้ดี มีความสามารถในการบริการจัดการชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลกว่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และมีแนวโน้มว่ามีความสามารถจัดการดูแลคนอื่นได้สูงตามไปด้วย
สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับWork From Home ปี 2020 (อ้างอิงจากผลสำรวจของ HubSpot)
- 18% ของผู้บริหาร บริหารจากนอกมากกว่าในสำนักงาน
- พนักงานที่ทำงานในออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ มากกว่า 75% ทำงานในตำแหน่งของตัวเองน้อยกว่า 1 ปี
- จำนวนของพนักงานที่ทำงานจากที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพิ่มขึ้น 400% นับตั้งแต่ปี 2010
- 42% ของพนักงานที่เลือกทำงานจากที่อื่น ตั้งใจจะทำงานจากนอกสำนักงานมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า
- หากเลือกได้ คนจำนวนมากถึง 99% เลือกที่จะทำงานจากบ้าน อย่างน้อยก็เป็นบางครั้งบางคราว ตลอดชีวิตการทำงานของตัวเอง
- 72% ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสรรหาบุคคลเห็นด้วยว่า เงื่อนไขการยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น ทำงานจากที่อื่น มีความสำคัญต่อการเฟ้นหาพนักงานเข้าองค์กรในอนาคต
- 83% ของพนักงานทุกรูปแบบเชื่อว่า การได้ทำงานนอกออฟฟิศจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีความสุขกับงานมากขึ้น
- 40% ของคนทั่วไปมองว่า เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นผลพลอยได้ที่ดีที่สุดของการทำงานจากที่อื่น
wow ส่งท้าย
วิธีWork From Home หรือ ทำงานจากบ้าน ไม่ใช่สิ่งใหม่ และกำลังเป็นเรื่องใกล้ตัวคนทำงานในบ้านเรามากขึ้น ที่อาจจะต้องประยุกต์ใช้กันให้เป็นตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้เลยก็เป็นได้ สิ่งที่คนทำงานทุกระดับชั้นตั้งแต่เจ้าของบริษัทไปจนถึงลูกน้องต้องทำคือ ทำความเข้าใจกับวิธีการ เรียนรู้กรณีการทำงานที่สำเร็จ และลองปรับใช้กับบริษัทให้เห็นภาพและโอกาสในการปรับให้เข้ากับตัวเอง
เพื่อที่ว่าทุกคนในบริษัทจะได้ใช้พลังงานอันมีค่าที่เหลือไปทุ่มกับการรับมือกับความท้าทายของธุรกิจที่แท้จริงอย่าง โควิด-19 หรือปัญหาใหญ่อื่นๆ ที่เข้ามาให้รับมืออยู่จริงๆ จะดีกว่า
อ้างอิง :