หัวใจของการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ คือ การเจอคำค้น (keyword) ที่ผู้คนค้นหากันและนำมาใช้ ิและสำหรับธุรกิจ การทำ SEO สามารถนำไปสู่การขายหรือการสร้างรายได้ให้เว็บไซต์ธุรกิจได้ ด้วยการใช้คำค้นที่มีเนื้อหาที่ชัดเจน ตรงกับที่กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าค้นหาพอดิบพอดี ซึ่งเราสามารถเจอ keyword (คีย์เวิร์ด) ที่ใช้ได้นั้นหาไม่ยากเลย ขอแค่มี “โปรแกรมหา keyword” ดีๆ เท่านั้น
วันนี้ WOW รวมเว็บหรือ โปรแกรมหา keyword ที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO 10 โปรแกรม ที่คนทำงาน SEO นิยมใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะใช้ตัวเดียวหรือใช้หลายตัวร่วมกัน ก็ยังเป็นโปรแกรมกลุ่มนี้ที่ช่วยชีวิตเว็บไซต์ของชาว SEO เอาไว้
ก่อนจะไปดู โปรแกรมหา keyword แต่ละตัว มาดูปัจจัยสำคัญอีก 2 อย่าง ที่ต้องพิจารณาในการหาคีย์เวิร์ดแต่ละครั้ง นั่นคือ ความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ดกับเว็บไซต์ (Relevance) และสถานที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ (location)
1.ความสำคัญของความเกี่ยวข้องระหว่างคีย์เวิร์ดกับเว็บไซต์ในการทำ SEO (Relevance)
ในการทำ SEO การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ดกับเว็บไซต์ของคุณ
ทำไมความเกี่ยวข้องถึงสำคัญ?
1. ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องช่วยให้คนที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของคุณเจอเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
2. เพิ่มโอกาสในการแปลงผล (Covesion) ผู้เข้าชมที่มาจากคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าสูงกว่า
3. ลดอัตราตีกลับ (Bounce Rate) เมื่อผู้ใช้งานหรือคันหาเจอสิ่งที่ตรงกับความต้องการ พวกเขาจะอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น
วิธีเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
1. เฉพาะเจาะจง ยิ่งคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจง ยิ่งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจของคุณ
2. เข้าใจความต้องการของลูกค้า คิดว่าลูกค้าจะค้นหาอย่างไรเมื่อต้องการสินค้าหรือบริการของคุณ
3. ใช้ Long-tail Keywords คำหรือวลีที่ยาวขึ้นมักจะเฉพาะเจาะจงและมีการแข่งขันน้อยกว่า
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจรับสร้างสระว่ายน้ำ แทนที่จะใช้คีย์เวิร์ดทั่วไปอย่าง “สระว่ายน้ำ” ลองพิจารณาคีย์เวิร์ดต่อไปนี้ เช่น ติดตั้งสระว่ายน้ำ,สร้างสระว่ายน้ำลม, รับสร้างสระว่ายน้ำในดินแบบไฟเบอร์กลาส คีย์เวิร์ดเหล่านี้มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าและมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้ที่กำลังมองหาบริการสร้างสระว่ายน้ำจริงๆ
ข้อควรระวัง
1. อย่าใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้อง การใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดทราฟฟิกอาจทำให้อัตราตีกลับสูงและส่งผลเสียต่ออันดับ SEO ในระยะยาว
2. สมดุลระหว่างปริมาณการค้นหาและความเกี่ยวข้อง บางครั้งคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงมากอาจมีปริมาณการค้นหาน้อย ต้องหาจุดสมดุลระหว่างความเฉพาะเจาะจงและปริมาณการค้นหา
3. ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้อาจเปลี่ยนแปลง ติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์คีย์เวิร์ดอย่างสม่ำเสมอ
การเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องไม่เพียงช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสกลายเป็นลูกค้าจริงๆ ได้มากขึ้นด้วย นี่คือหัวใจสำคัญของการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
2.สถานที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ (location)
อีกปัจจัยสำคัญคือ สถานที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ เพราะเวลาที่เรามองหาคำค้นที่น่าสนใจสำหรับเว็บไซต์ หากไม่ระบุสถานที่ตั้ง (location) ใดๆ ระบบจะประมวลข้อมูลในค่าตั้งต้นของระบบ เช่น สหรัฐอเมริกา แทนที่จะเป็นประเทศไทย
4 เกร็ดสำคัญที่ต้องเข้าใจ ก่อนหา keyword ที่ใช่!
การหา keyword ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการทำ SEO และสร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้อ่าน ก่อนจะเริ่มค้นหา keyword มาทำความเข้าใจ 4 เกร็ดสำคัญนี้กันก่อน
1. เข้าใจความหมายของ Keyword
Keyword คือ อะไร? คือ คำหรือวลีที่ผู้ใช้พิมพ์ลงใน search engine เพื่อค้นหาข้อมูล Keyword ที่มีประโยชน์คือคำที่มีคนค้นหาจำนวนมาก
2. พิจารณาปัจจัยในการเลือก Keyword เลือก Keyword โดยคำนึงถึง
- ลักษณะธุรกิจของคุณ เช่น การท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์, เครื่องสำอาง
- ปริมาณการค้นหา ควรมีผู้ค้นหาอย่างน้อยหลักพันต่อเดือน
- ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา** ต้องตรงกับสิ่งที่คุณนำเสนอ
- การแข่งขัน พิจารณาว่ามีเว็บไซต์อื่นใช้ Keyword นี้มากน้อยเพียงใด
3. สร้างและวิเคราะห์รายการ Keyword
ทำรายการ Keyword รวบรวม Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ติดตามแนวโน้ม ดูว่าแต่ละ Keyword มีการค้นหามากน้อยเพียงใดในแต่ละเดือน หา Long-tail Keywordขยาย Keyword หลักให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น วิเคราะห์เป็นประจำ พิจารณาว่าควรใช้หรือเปลี่ยนแปลง Keyword ใดบ้างในแต่ละเดือน
4. ศึกษาคู่แข่ง
ระบุคู่แข่งหลัก ค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกับคุณ วิเคราะห์เนื้อหาดูว่าคู่แข่งสร้างเนื้อหาแบบไหน น่าสนใจหรือไม่ ดูการตอบรับ สังเกตว่าเนื้อหาของคู่แข่งได้รับความนิยมหรือไม่ มีคนแชร์หรือแสดงความคิดเห็นมากน้อยเพียงใด หาจุดที่ทำได้ดีกว่า พิจารณาว่าคุณจะสร้างเนื้อหาที่ดีกว่า ครอบคลุมกว่า หรือน่าสนใจกว่าได้อย่างไร
การเข้าใจเกร็ดความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีในการเริ่มต้นค้นหาและใช้ Keyword อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้อ่านและมีโอกาสติดอันดับใน search engine มากขึ้น
10 โปรแกรมหา keyword ยอดฮิตในวงการ SEO
โปรแกรมหา keyword ฟรี
1. Google Keyword Planner🆓
Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ Google สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับนักการตลาดดิจิทัล แม้ว่าจะถูกออกแบบมาเพื่อวางแผนแคมเปญ Google Ads แต่ก็เป็นแหล่งข้อมูล Keyword ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ SEO ด้วย
วิธีการใช้งานอย่างละเอียด
- เข้าสู่ระบบ Google Ads:
- ไปที่ ads.google.com และล็อกอินด้วยบัญชี Google ของคุณ
- ถ้ายังไม่มีบัญชี Google Ads ให้สร้างใหม่ (ไม่จำเป็นต้องสร้างแคมเปญจริง)
- เข้าถึง Keyword Planner:
- คลิกที่ไอคอนเครื่องมือด้านบนขวา
- เลือก “Keyword Planner” ภายใต้หมวด “Planning”
- เลือกเครื่องมือที่ต้องการใช้:
- “Discover new keywords”: ใช้เมื่อต้องการไอเดีย Keyword ใหม่ๆ
- “Get search volume and forecasts”: ใช้เมื่อมี Keyword อยู่แล้วและต้องการดูข้อมูลเชิงลึก
- ใส่ข้อมูลเริ่มต้น:
- สำหรับ “Discover new keywords” ให้ใส่คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- สำหรับ “Get search volume and forecasts” ให้ใส่ Keyword ที่คุณมีอยู่แล้ว
- ปรับแต่งการค้นหา:
- เลือกภาษาและประเทศที่ต้องการ
- ปรับช่วงเวลาที่ต้องการดูข้อมูล (เช่น 12 เดือนที่ผ่านมา)
- วิเคราะห์ผลลัพธ์:
- ดูปริมาณการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน
- ตรวจสอบระดับการแข่งขัน (ต่ำ, ปานกลาง, สูง)
- สังเกต Keyword ที่เกี่ยวข้องที่ Google แนะนำ
ข้อมูลที่ได้
- ปริมาณการค้นหา: แสดงเป็นช่วงกว้างๆ เช่น 1K-10K ต่อเดือน
- การแข่งขัน: บอกระดับการแข่งขันสำหรับโฆษณา (ต่ำ, ปานกลาง, สูง)
- ราคาประมูลโฆษณา: แม้จะไม่เกี่ยวกับ SEO โดยตรง แต่สามารถบ่งบอกถึงมูลค่าทางธุรกิจของ Keyword ได้
- แนวโน้มการค้นหา: ดูได้ว่า Keyword มีความนิยมในช่วงไหนของปี
- Keyword ที่เกี่ยวข้อง: ไอเดีย Keyword อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
2. Google Search Console 🆓
Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับใครที่ทำ SEO เพราะมันให้ข้อมูลจริงจากเว็บไซต์ของคุณเอง ช่วยให้คุณเห็นว่า Keyword ไหนกำลังทำผลงานได้ดี และตรงไหนที่ควรปรับปรุง
วิธีการใช้งานอย่างละเอียด:
1.เข้าสู่ระบบและตั้งค่าเว็บไซต์:
- ไปที่ search.google.com/search-console
- ล็อกอินด้วยบัญชี Google ของคุณ
- เพิ่มเว็บไซต์
2.ยืนยันความเป็นเจ้าของเว็บไซต์:
- เลือกวิธีการยืนยัน เช่น อัปโหลดไฟล์ HTML หรือเพิ่ม DNS record
- ทำตามขั้นตอนที่ Google แนะนำเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ
3.รอให้ Google เก็บข้อมูล:
- หลังจากยืนยันแล้ว อาจต้องรอ 2-3 วันให้ Google เริ่มแสดงข้อมูล
4.เข้าดูข้อมูล Performance:
- ไปที่เมนู “Performance” ในแถบด้านซ้าย
- คุณจะเห็นกราฟแสดงผลงานของเว็บไซต์
5.วิเคราะห์ข้อมูล Queries:
- เลื่อนลงมาที่ส่วน “Queries”
- ดูรายการ Keyword ที่ทำให้เว็บคุณปรากฏในผลการค้นหา
6.ปรับแต่งการแสดงผล:
- คุณสามารถเลือกดูข้อมูลตามช่วงเวลาที่ต้องการได้
- กรองข้อมูลตามประเทศ, อุปกรณ์, หรือประเภทการค้นหาได้
ข้อมูลที่ได้:
- Impressions: จำนวนครั้งที่เว็บคุณปรากฏในผลการค้นหา
- Clicks: จำนวนคลิกที่เว็บคุณได้รับ
- CTR (Click-Through Rate): อัตราการคลิกเทียบกับการแสดงผล
- Position: ตำแหน่งเฉลี่ยของเว็บคุณในผลการค้นหา
- Queries: คำค้นหาที่ทำให้เว็บคุณปรากฏในผลการค้นหา
Google Trends 🆓
Google Trends เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเห็นแนวโน้มความนิยมของ Keyword ต่างๆ ตามช่วงเวลา
วิธีการใช้งาน
- เข้าไปที่ trends.google.com
- พิมพ์ Keyword ที่คุณสนใจลงในช่องค้นหา
- ปรับการตั้งค่าตามต้องการ (ประเทศ, ช่วงเวลา, หมวดหมู่)
- ดูกราฟแนวโน้มและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลที่ได้
- แนวโน้มความนิยมของ Keyword ตามช่วงเวลา
- การเปรียบเทียบระหว่าง Keyword หลายตัว
- ความนิยมตามภูมิภาค
- หัวข้อและ Keyword ที่เกี่ยวข้อง
4. Answer the Public 🆓 (มีแผนเสียเงินด้วย)
Answer the Public เป็นเครื่องมือที่ช่วยค้นหาคำถามและวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาเกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง
วิธีการใช้งาน
- เข้าไปที่ answerthepublic.com
- พิมพ์ Keyword หลักของคุณ
- เลือกภาษาและประเทศ
- ดูผลลัพธ์ในรูปแบบ Visual หรือ Data
ข้อมูลที่ได้
- คำถามที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ของคุณ
- วลีที่มี Prepositions (เช่น for, with, without)
- การเปรียบเทียบ (เช่น vs, or, and)
Keyword Surfer (Chrome Extension) 🆓
Keyword Surfer เป็น Extension สำหรับ Google Chrome ที่แสดงข้อมูล Keyword ขณะที่คุณกำลังค้นหาใน Google
วิธีการใช้งาน
- ติดตั้ง Keyword Surfer จาก Chrome Web Store
- ทำการค้นหาใน Google ตามปกติ
- ดูข้อมูล Keyword ที่แสดงด้านข้างของผลการค้นหา
ข้อมูลที่ได้
- ปริมาณการค้นหาโดยประมาณของ Keyword
- Keyword ที่เกี่ยวข้องพร้อมปริมาณการค้นหา
- ความยากในการจัดอันดับ (คะแนน 0-100)
อ่าน : คู่มือ SEO 101 : วิธีทำ SEO ง่ายที่สุด ไม่มีพื้นฐานก็เข้าใจได้! (อัพเดต 2021)
โปรแกรมหา keyword น่าใช้ (แต่ต้องเสียเงิน)
6. Ahrefs 💰
Ahrefs เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ที่ครบวงจรที่สุด โดดเด่นด้านการวิเคราะห์ Backlinks และการวิจัย Keyword
วิธีการใช้งาน
- สมัครและเข้าสู่ระบบที่ ahrefs.com
- ใช้เครื่องมือ Keywords Explorer
- ป้อน Keyword ที่ต้องการวิเคราะห์
- ดูผลลัพธ์และรายงานต่างๆ
ข้อมูลที่ได้
- ปริมาณการค้นหา, Keyword Difficulty
- Click metrics (Clicks, Return rate, Clicks per search)
- Parent topic และ Keyword ideas
- SERP overview และ SERP position history
7. SEMrush 💰
SEMrush เป็นเครื่องมือ all-in-one สำหรับ Digital Marketing ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมทั้ง SEO, PPC, Content Marketing, และอื่นๆ
วิธีการใช้งาน
- สมัครและเข้าสู่ระบบที่ semrush.com
- ใช้เครื่องมือ Keyword Magic Tool
- ป้อน Keyword ที่ต้องการวิเคราะห์
- กรองและจัดเรียงผลลัพธ์ตามต้องการ
ข้อมูลที่ได้
- ปริมาณการค้นหา, KD (Keyword Difficulty)
- CPC และ Competitive Density สำหรับ PPC
- SERP Features
- Questions และ Related Keywords
8. Moz Pro 💰
Moz Pro เป็นชุดเครื่องมือ SEO ที่มีชื่อเสียงด้านการวิเคราะห์ on-page SEO และการติดตามอันดับ
วิธีการใช้งาน
- สมัครและเข้าสู่ระบบที่ moz.com/products/pro
- ใช้เครื่องมือ Keyword Explorer
- ป้อน Keyword ที่ต้องการวิเคราะห์
- ดูผลลัพธ์และเมตริกต่างๆ
ข้อมูลที่ได้
- Monthly volume, Difficulty
- Organic CTR, Priority score
- SERP Analysis
- Keyword Suggestions
KWFinder 💰
KWFinder เป็นเครื่องมือที่เน้นความง่ายในการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ระดับกลาง
วิธีการใช้งาน
- สมัครและเข้าสู่ระบบที่ kwfinder.com
- พิมพ์ Keyword ที่ต้องการค้นหาในช่องค้นหา
- เลือกประเทศและภาษาที่ต้องการ
- ดูผลลัพธ์และเมตริกต่างๆ
ข้อมูลที่ได้
- Search volume, Keyword difficulty
- Trend over time
- SERP overview
- Related keywords และ Questions
10. Ubersuggest 💰
Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่พัฒนาโดย Neil Patel นักการตลาดดิจิทัลชื่อดัง เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น แต่ยังไม่พร้อมลงทุนกับเครื่องมือระดับพรีเมียม
วิธีการใช้งานอย่างละเอียด:
- เข้าสู่เว็บไซต์:
- ไปที่ app.neilpatel.com/en/ubersuggest
- คุณสามารถใช้งานฟรีได้จำนวนหนึ่ง หรือสมัครแบบเสียเงินเพื่อฟีเจอร์เพิ่มเติม
- เริ่มค้นหา Keyword:
- ใส่ Keyword ที่คุณสนใจลงในช่องค้นหา
- เลือกประเทศและภาษาที่ต้องการ
- ดูผลลัพธ์เบื้องต้น:
- คุณจะเห็นข้อมูลเบื้องต้น เช่น ปริมาณการค้นหา, SEO Difficulty, และ Paid Difficulty
- สำรวจ Keyword Ideas:
- เลื่อนลงมาเพื่อดู Keyword ที่เกี่ยวข้อง
- คุณจะเห็นทั้ง Related, Questions, Prepositions, และ Comparisons
- วิเคราะห์ SERP:
- ดูว่าใครกำลังติดอันดับต้นๆ สำหรับ Keyword นี้
- วิเคราะห์ Domain Score, Backlinks, และ Social Shares ของแต่ละเว็บ
- ใช้ Content Ideas:
- ดูไอเดียเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ของคุณ
- วิเคราะห์ว่าเนื้อหาแบบไหนได้ผลดีในตลาด
ข้อมูลที่ได้:
- ปริมาณการค้นหา: จำนวนการค้นหาต่อเดือนแบบแม่นยำ
- SEO Difficulty: ความยากในการจัดอันดับสำหรับ Keyword นั้น
- Paid Difficulty: ความยากในการทำโฆษณาสำหรับ Keyword นั้น
- CPC (Cost Per Click): ราคาโดยประมาณต่อคลิกในการทำโฆษณา
- Keyword Ideas: รายการ Keyword ที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ
- SERP Analysis: การวิเคราะห์หน้าผลการค้นหาของ Google
WOW ส่งท้าย
ทั้งหมดเป็นโปรแกรมหา keyword ที่คนใช้เยอะหรือนิยมใช้ 10 ตัว ซึ่งหาพิจารณาจากฟังก์ชั่นที่โปรแกรมแต่ละตัวนำเสนอผู้ใช้งาน ก็จะเห็นว่าเป็นเหตุผลชัดเจนว่าทำไมจึงเป็นที่นิยมใช้กัน หรือหากใครคิดว่ามีโปรแกรม SEO ที่หาคีย์เวิร์ดหางยาวได้ดี จับทางเว็บฯ คู่แข่งได้แม่น ที่นอกเหนือจากที่ WOW แนะนำไป ก็ลองแนะนำ WOW ได้
หรือหากสนใจทำเว็บไซต์เพื่อธุรกิจ หรือทำการตลาดออนไลน์ WOW ก็มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำปรึกษาก่อนทำได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงมือทำ คราวหน้า WOW จะมีความรู้สาระดีๆ เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์อะไรมาแชร์กันอีก Bookmark หน้าเว็บฯ รอกันไว้เลย
อ้างอิง :