“ทำอะไรดีช่วงนี้” เป็นคำถามที่คนถามกันเยอะมาก ทั้งต่อหน้าและในอินเตอร์เน็ต ด้วยภาวะเศรษฐกิจ หลายธุรกิจที่ยังดำเนินอยู่อาจเริ่มฉุกคิดว่า จะทำอย่างไร และควรทำการตลาดต่อไปหรือไม่
คำตอบคือ ควรอย่างยิ่ง 100,000,000% และควรเป็นการทำการตลาดออนไลน์ด้วย เพราะทำน้อยได้มาก และได้ผลประโยชน์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับระยะสั้นคือ เป็นการปรับแผนการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ ส่วนระยะยาวการทำการตลาดออนไลน์จะเข้าถึงลูกค้าหรือผู้บริโภคได้กลุ่มกว้างกว่า
วิธีที่จะทำการตลาดบนอินเตอร์เน็ตให้ได้ผลดีที่สุดและพื้นฐานที่สุด คือ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ บทความ WOW ตอนนี้รวม 7 เหตุผลดีๆ ที่ธุรกิจควรมุ่งมั่นทำ SEO กับเว็บไซต์ในช่วงนี้ หรือช่วงใดก็ตามที่เกิดวิกฤตกระทบกับเศรษฐกิจ
การทำ SEO มีต้นทุนถูกแต่คุ้มค่า
เป็นปกติที่ช่วงเวลาแบบนี้ ธุรกิจจะต้องตัดลดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนเพื่อรักษากระแสเงินไหลเข้าให้เป็นปกติที่สุด แม้แต่ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาหรือการตลาดก็ยังถูกตัดลดได้เช่นกัน
แต่การตลาดด้วย SEO เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรตัดลด เพราะเมื่อเทียบกับการตลาดแบบอื่น เช่น โทรทัศน์ บิลบอร์ด หรือโฆษณาผ่านยูทูบ การทำ SEO มีราคาถูกที่สุด วัดผลได้จริง และสร้างยอดขายได้จริง แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีเงินทุนน้อยที่สุดก็สามารถทำได้
ข้อดีอีกอย่างของ การทำ SEO คือ การเปิดช่องทางการมองเห็น lead หรือชุดข้อมูลลูกค้าหรือกลุ่มที่น่าสนใจ ข้อมูลชุดนี้ได้มาจากการเข้าเยี่ยมชมแบบ Organic (ค้นหาจากความต้องการของลูกค้าเอง) ที่จะบอกว่ากลุ่มคนเหล่านี้มาจากที่ไหน เป็นใคร ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นกลุ่มผู้สนใจที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเดิม
จากข้อมูลนี้ ธุรกิจสามารถนำมาสร้างแผนการตลาดยิงเข้าใส่ได้ตรงประเด็น ตรงความต้องการ มากขึ้นต่อไป
ทำทีเดียว คงอยู่ยาวนาน
ธรรมชาติของเนื้อหาที่มีสาระประโยชน์จะได้รับการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา และจะถูกค้นพบเนื่องจากมักมีคำค้นที่มียอดการค้นหาสูง (high-search-volume keyword)
ยิ่งเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือตัวเว็บไซต์ได้รับการปรับแต่งให้เข้ากับสถานการณ์หรือค่าการค้นหาคีย์เวิร์ดที่ปัจจุบันที่สุด เว็บไซต์นั้นก็จะติดอันดับที่ดีๆ หน้าแรกๆ ของระบบค้นหา มีคนค้นหาเจอและเข้ามาถึงธุรกิจได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
สร้างชื่อบนโลกออนไลน์ให้เป็นที่รู้จัก
ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เรื่องอัตโนมัติที่ผู้คนทำจนแทบเป็นสัญชาตญาณคือ จำกัดการใช้จ่าย เลือกใช้เงินเฉพาะที่จำเป็น ลดการจับจ่ายสิ่งที่ “ไม่รู้จัก” หรือไม่คุ้นเคยมาก่อน และยึดติดอยู่กับสิ่งที่รู้จักดีหรือมีข้อมูลอยู่แล้ว
พฤติกรรมนี้สอดคล้องกับการทำ SEO ที่เป็นการสร้างการตระหนักรู้ (Awareness) ให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าทราบการมีอยู่ของธุรกิจของเรา และเริ่มเรียนรู้ SEO จะช่วยให้ข้อมูลสำคัญๆ ของแบรนด์ เช่น เราเป็นใคร เราทำอะไร เราแก้ปัญหาอะไรให้กับลูกค้าได้ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน
อย่างช่วงโควิดระบาด ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ก็มีเวลามากพอที่จะเสพเนื้อหาบนอินเตอร์เน็ต ก็มีโอกาสทำความรู้จักกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์มากขึ้น
เมื่อกลุ่มเป้าหมายเริ่มเข้าใจหรือเชื่อใจเราหรือมีกำลังทรัพย์และโอกาสในระดับหนึ่ง เช่น สถานการณ์ปกติ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่การขายได้
แสดงความรู้สึกหรือความเข้าใจร่วมกันกับสังคม
ช่วงเวลาปกติ ธุรกิจมักมีบอกเล่าหรือส่งข้อความทำนองว่า เข้าใจ ห่วงใย และเห็นคุณค่าของลูกค้า อยู่เสมอ
ในช่วงเวลาคับขัน คำพูดเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ ยิ่งต้องแสดงออกมาผ่านสื่อต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น เว็บไซต์ อีเมลจดหมาย โพสต์บนโซเชียลมีเดีย จะเป็นข้อความแสดงความเข้าใจและห่วงใย หรือการตลาดเชิงช่วยเหลือลูกค้า เช่น โปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเฉพาะกาล แนะนำลูกค้าว่า ช่วงนี้ทำอะไรดี ก็ได้
ซึ่งหากใช้หลัก SEO กับการสื่อสาร ข้อความเหล่านี้จะยิ่งส่งถึงลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้ตรงขึ้น
อ่าน : เปิดวิธี-กรณีจริงประคอง “ธุรกิจโรงแรม” อย่างไร เพื่อรอดและไปต่อหลัง โควิด-19
“รุ่งเรืองท่ามกลางรุ่งริ่ง” กลุ่มธุรกิจที่ขายดีช่วง “โควิด-19” เขาทำอะไรและอย่างไร?
ลอยลำทิ้งห่างคู่แข่ง
บนโลกธุรกิจ การอยู่นิ่งเฉยเท่ากับก้าวเท้าถอยหลัง หากธุรกิจยังดำรงอยู่ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ควรเดินหน้าไป เพราะนี่เป็นสิ่งที่คู่แข่งในวงการธุรกิจของเราก็คิดเช่นเดียวกัน
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะลงมือทำจริง ในสถานการณ์ที่ฉุดรั้งการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก วิธีเดินหน้าที่ง่ายที่สุดคือ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ เช่น การป้อน keyword ที่เข้ากับสถานการณ์เข้าสู่เว็บไซต์
ธุรกิจที่สม่ำเสมอในการทำ SEO ช่วงนี้ จะลอยลำโดดเด่นบนหน้าระบบค้นหาค่อนข้างชัดเจน
ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
การไม่หยุดติดตามผล SEO จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าทั้งในช่วงสถานการณ์ปกติและไม่ปกติ เช่น ในสถานการณ์โควิดระบาด ลูกค้าอาจจะไม่ใช้จ่ายในช่วงสัปดาห์แรก และผ่อนปรนบ้างในช่วงสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ก่อนจะกลับมาเข้มงวดในสัปดาห์ต่อมา
การเข้าใจ cycle ของลูกค้าของตัวเอง ทั้งในช่วงสถานการณ์ปกติและไม่ปกติ ช่วยให้ธุรกิจทำการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ได้ และเก็บเป็นสถิติสำหรับการทำธุรกิจในช่วงวิกฤตครั้งต่อไปก็ได้ ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่มีค่าและอาจไม่สามารถหาได้จากที่ไหน นอกจากเก็บเกี่ยวจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ได้ลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ
ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่ไม่มีกำลังซื้อ ลูกค้าบางรายอาจแค่รู้สึกไม่อยากใช้จ่ายหรือไม่แน่ใจว่าใช้จ่ายตอนนี้ เพราะไม่แน่ใจว่า สินค้าหรือบริการของเราจะตอบโจทย์ของพวกเขาที่มีมากขึ้นหรือไม่
จุดนี้เรียกว่า ปัญหาหรือจุดอ่อนที่ลูกค้าต้องการได้รับการแก้ไข (Pain point) หากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเรากำลังมองหาทางแก้ (Solution) ให้กับธุรกิจของเขา การทำ SEO ให้โดนใจของลูกค้าในช่วงนี้ จึงถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้เราได้ลูกค้าแบบไม่ต้องออกแรงแข่งขันมากก็เป็นได้
คนไทยยุคดิจิตอล
เว็บไซต์ Data Reportal รวบรวมข้อมูลและสถิติการใช้งานระบบสื่อสาร เช่น อินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน และที่สำคัญคือ ระบบซื้อขายออนไลน์ ในประเทศไทยช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานระบบดิจิตอลอย่างคร่าวๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อผู้ทำธุรกิจหรือการตลาดออนไลน์โดยตรง
อินเตอร์เน็ต
- มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตราว 52 ล้านคน ในไทย (มกราคม 2020) คิดเป็น 75% ของประชากรทั้งหมด
- ระหว่างปี 2019 ถึง 2020 มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านคน
- 5 คำค้นกลุ่มซื้อขายยอดนิยมที่สุดจากระบบค้นหา Google ในปี 2019 ของไทย คือ รองเท้า, แปล, นาฬิกา, Lazada และ หวย ตามลำดับ
- ผู้ใช้งานอายุ 16 – 64 ปี เฉลี่ยแล้วใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 9 ชม. ต่อวัน
โซเชียลมีเดีย
- มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียราว 52 ล้านคน ในไทย (มกราคม 2020) ใกล้เคียงกับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต
- ผู้ใช้งานอายุ 16 – 64 ปี เฉลี่ยแล้วใช้โซเชียลมีเดียประมาณ 2.55 ชม. ต่อวัน
- ผู้ชมโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram และ Facebook Messenger) กลุ่มใหญ่ที่สุด คือ อายุ 25 – 34 ปี, 18 – 24 ปี และ 35 – 44 ปี
- แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด (มกราคม 2020) คือ Facebook, YouTube, Line, Facebook Messenger และ Instagram ตามลำดับ
โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน
- มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เหล่านี้ประมาณ 50.18 ล้านคน คิดเป็น 97% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหมด
- เวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เฉลี่ยประมาณ 4.57 ชม. ต่อวัน
- 25.98 Mbps คือ ความเร็วเฉลี่ยของอินเตอร์เน็ตที่ใช้บนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่
- ประเภทแอพพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด คือ แชทพูดคุย 95%, โซเชียลมีเดีย 97%, บันเทิงหรือวิดีโอ 89%, แผนที่ 72% และเกม 67%
- แอปพลิเคชันทั่วไปที่ผู้ใช้งานใช้จ่ายเงินด้วยมากที่สุด คือ Line, Netflix, MEB: Mobile E-Books, BIGO Live และ Line Webtoon ตามลำดับ
5 คอนเทนต์หรือเนื้อหาที่ผู้ใช้งานนิยมบริโภคมากที่สุด
- คลิปวิดีโอออนไลน์ 99%
- ดูวล็อก (Vlog) 53%
- ฟังเพลงจากระบบสตรีมมิ่ง (Streaming service) 68%
- ฟังคลื่นวิทยุออนไลน์ 52%
- ฟังพอดแคสต์ 44%
ระบบซื้อขายออนไลน์
- ผู้ใช้งานที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน 81% มีบัญชีธนาคารกับสถาบันการเงิน
- 9.8% มีบัตรเครดิต
- 19% ซื้อของออนไลน์และ/หรือจ่ายบิลออนไลน์
- ผู้ใช้งานเพศหญิงและชายทำธุรกรรมทางออนไลน์ในระดับเท่ากันคือ 19%
- 90% ของผู้ใช้งานระบบออนไลน์ ค้นหาสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ด้วยจุดประสงค์ที่จะซื้อ
- 85% ของผู้ใช้งานเข้าร้านขายปลีกออนไลน์บนเว็บไซต์
- 82% ของผู้ใช้งานซื้อสินค้าออนไลน์
- 69% ของผู้ใช้งานซื้อของบนเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ ขณะที่ 34% ของผู้ใช้งานซื้อของบนคอมพิวเตอร์
- บัตรเครดิตเป็นวิธีชำระเงินยอดนิยมที่สุด (32%) รองลงมาคือ E-Wallet (25%), โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (20%), เงินสด (12%) และอื่นๆ (11%)
ความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ต
- กังวลว่าบริษัทต่างๆ จะนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปใช้อย่างไร 59%
- ใช้เครื่องมือบล็อคโฆษณาในช่วงเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา 50%
- ลบคุกกี้ (Cookies) จากบราวเซอร์ในช่วงเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา 57%
WOW ส่งท้าย
ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติบอกความจริงอย่างหนึ่งกับเราว่า ไม่มีภาวะตกต่ำใดที่ดำรงอยู่ตลอดกาล ติดลบได้ก็กลับสู่จุดเริ่มต้นที่ศูนย์ได้ จากศูนย์ค่อยๆ ไต่ขึ้นกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้
สิ่งสำคัญคือ การเตรียมตัวให้พร้อม ที่จะฟื้นตัวกลับมา ด้วยการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบง่ายๆ อย่างการทำหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้พร้อมขาย พร้อมเดินหน้า
เมื่อถึงวันที่สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ธุรกิจที่พร้อมและมั่นคงมากกว่าจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้ไวกว่าใครแน่นอน WOW ขอเอาใจช่วยผู้ทำธุรกิจทุกท่านและพร้อมให้บริการเว็บไซต์และระบบซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ลงทุนในวันนี้ ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนในอนาคต สอบถามได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายปรึกษาก่อนทำเว็บไซต์กับ WOW แล้วพบกันในบทความหน้าค่ะ
อ้างอิง :
