แวดวงการตลาดเป็นสายงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ วิธีการสื่อสาร และช่องทางการนำเสนอที่จะต้องปรับให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ดังนั้น การติดตามและทำความเข้าใจเทรนด์การตลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักการตลาด เพื่อนำเทรนด์ไปใช้พัฒนากลยุทธ์ให้แบรนด์ทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสร้างความไว้ใจให้แบรนด์กลายเป็นตัวเลือกแรกที่ลูกค้าอยากใช้บริการต่อไป
โดยในบทความนี้ WOW ได้รวบรวม Marketing Trend 2025 ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเอาไว้ เราจะไปดูกันเลยว่ามีเทรนด์อะไรที่น่าสนใจและนักการตลาดไม่ควรพลาดบ้าง
Marketing Trends 2025 ที่น่าจับตาจาก
1.AI และ Machine Learning เป็นเทรนด์หลักของปี
มากันที่เทรนด์การตลาดอันดับแรกอย่างเทคโนโลยี AI และ Machine Learnin
g ซึ่งมีการเติบโตอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Generative AI ที่เราคุ้นชื่อกันดี อย่าง ChatGPT, Claude และ Gemini ที่มีความสามารถมากขึ้น และกลายเป็นเครื่องมือช่วยในการวางแผนการตลาด คิดไอเดียทำแคมเปญ และสร้างคอนเทนต์ โดยข้อมูลจาก Salesforce ระบุว่า ในปี 2024 มีบริษัทด้านการตลาดที่นำ AI เข้ามาใช้ในการทำงานเต็มรูปแบบ 32% โดยเน้นไปที่การทำ SEO เป็นอันดับแรก และสร้างคอนเทนต์ในอันดับต่อมา
ส่วนในปี 2025 AI ยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักที่แบรนด์ยังให้ความสนใจมากที่สุดไม่เปลี่ยน เพราะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตรงกับความต้องการ และคาดว่าจะมีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา โดยจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการปรับแต่งคอนเทนต์ที่มีอยู่ ตามมาด้วยการใช้เพื่อสร้างคอนเทนต์ใหม่
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อจัดกลุ่มความต้องการให้แบรนด์กำหนดการทำตลาดได้เฉพาะกลุ่ม
- ใช้ AI เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับโฆษณาของแบรนด์ หรือนำมาวิเคราะห์ประวัติการซื้อสินค้าเพื่อให้ระบบแนะนำสินค้าที่ใกล้เคียงได้
- นำ Chatbot มาช่วยในการตอบคำถามลูกค้าทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ช่วยให้ลูกค้าได้คำตอบเร็วและตรงกับความต้องการตลอดเวลา
2.Voice Search จะถูกใช้เป็นทางเลือกเพิ่ม
Voice Search คือการใช้เสียงค้นหาแทนการพิมพ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทั่วโลกใช้ Voice Search ในค้นหาข้อมูลออนไลน์เกิน 50% โดยมีโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์หลักในการใช้ และใช้กับการสอบถามเรื่องทั่วไป เช่น สภาพอากาศ การค้นหาสถานที่ใกล้ตัว และการดูข่าวรายวัน
ส่วนในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้ Voice Search เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปี 2024 มีการซื้ออุปกรณ์ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั่วโลกรวม 8.4 พันล้านเครื่อง และยังมีระบบที่รองรับฟีเจอร์เพิ่มเติม อย่างการสั่งงานผ่าน AI Chatbot นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถนำฟีเจอร์นี้ไปใช้ได้ เช่น เว็บไซต์ E-Commerce ที่สามารถนำฟีเจอร์ไปใช้ให้ลูกค้าค้นหาสินค้าง่ายขึ้นผ่านโทรศัพท์ ส่งผลให้บริษัททั่วโลกมีแผนที่จะลงทุนใน Voice Search Optimization ในปี 2025 ถึง 80% เลยทีเดียว
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- ทำคอนเทนต์โดยนำภาษาพูดมาเป็นคีย์เวิร์ด และเน้นไปที่ Long-Tail Keyword เพราะผู้ใช้จะใช้ภาษาพูดในการถาม คำค้นจึงมีความยาวมากขึ้น
- นำ Local Keyword ซึ่งมีชื่อพื้นที่เข้ามารวมอยู่ในคีย์เวิร์ดด้วย เพื่อให้การค้นหาเจาะจงมากขึ้น
- ปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงคอนเทนต์บนโทรศัพท์
3.นำ AR และ VR มาสร้าง Immersive Experience
AR หรือ Augmented Reality และ VR หรือ Virtual Reality คือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพจำลองการใช้สินค้าในพื้นที่ของลูกค้าเองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ และสร้างประสบการณ์การใช้งานเสมือนจริง โดยในปีที่ผ่านมา ธุรกิจ B2C มีสัดส่วนการใช้แอปพลิเคชัน AR ถึง 55% ของการใช้ทั้งหมด และการนำไปใช้ในบนช่องทางออนไลน์ช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ 40% ยิ่งไปกว่านั้น สินค้ากลุ่มที่มีคอนเทนต์ AR หรือ VR รวมอยู่ในโฆษณาด้วยจะมี Conversion Rate มากกว่ากลุ่มที่ไม่มีถึง 94% เพราะลูกค้าได้เห็นภาพการใช้งานจริงทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ในขณะที่เอเจนซี่โฆษณาก็มีการนำ AR เข้าไปใช้โปรโมตสินค้าถึง 67% โดยมีธุรกิจท่องเที่ยว ยานยนต์ และบันเทิง เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการใช้ AR มากที่สุด
ทำให้ในปี 2025 AR และ VR จึงเป็นกลยุทธ์การขายที่ช่วยให้แบรนด์สร้างความแปลกใหม่ในการนำเสนอสินค้า และยังเป็นวิธีการโปรโมตสินค้าของเอเจนซี่ที่จะช่วยสร้างความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายได้
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำฟีเจอร์ Virtual Try-On เข้ามาอยู่บนแอปพลิเคชั่น เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้า เช่น การลองเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์
- นำข้อมูลสินค้าเพิ่มเข้าไปในแอปพลิเคชั่น เช่น วิธีการใช้งาน วิธีการประกอบ หรือรายละเอียดอย่างอื่น เพื่อให้ลูกค้าที่หันกล้องโทรศัพท์ไปที่สินค้าได้เห็นรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม
- สร้างเกม AR เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเล่นในร้านเพื่อรับส่วนลดตามที่กำหนดไว้
4.ดึงคนดูด้วย Short Video และ Live Video
วิดีโอถือเป็นเทรนด์การตลาดที่มาแรงในฐานะคอนเทนต์ที่แบรนด์ใช้ในการสื่อสารมากที่สุด โดยเฉพาะการทำ Short Video และ Live Video เพราะสามารถสร้าง Engagment ได้ทันที อีกทั้งโซเชียลมีเดียรายใหญ่ อย่าง TikTok, Instagram และ YouTube ก็หันมาเน้นคอนเทนค์ประเภทนี้ เพื่อดึงผู้ใช้ให้อยู่บนแพลตฟอร์มให้ได้นานที่สุด โดยในปีที่ผ่านมา Short Video ยังเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่นักการตลาดชาวไทยใช้มากที่สุดถึง 81% จากข้อมูลของ Content Shifu เพราะช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าง่ายและตรงประเด็น ขณะที่ Live Video เป็นรูปแบบวิดีโอที่นักการตลาดทั่วโลกใช้มากที่สุด 54% เพราะช่วยให้แบรนด์กับลูกค้าสื่อสารหากันได้ และถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ไปด้วย
ส่วนในปี 2025 Wyzowl ระบุว่า วิดีโอยังเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่แบรนด์ใช้ได้อยู่แน่นอน เนื่องจากมีนักการตลาดถึง 95% ยังใช้วิดีโอมาเป็นกลยุทธ์ในการโฆษณา และจะเน้นไปที่การใช้คลิปเล่าเรื่องเป็นหลัก ตามมาด้วยคลิป How-to และคลิปรีวิวสินค้า เพราะเข้าถึงคนดูง่าย และยังช่วยให้แบรนด์แสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ ซึ่งมีผลต่อความน่าเชื่อถืออีกด้วย
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- ปรับรูปแบบการนำเสนอจากการโพสต์ข้อความและรูปประกอบสินค้า มาเป็นการถ่ายคลิปสั้นความยาวไม่เกิน 2 นาทีในการสื่อสารเพิ่ม เพราะช่วยดึงความสนใจได้มากกว่าโพสต์
- นอกจากการทำคลิปแบบมีเสียง ก็สามารถทำคลิปที่มี Subtitle เพิ่มเข้าไปในคลิป เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ได้กดเข้ามาดูคลิปเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อออกไป
- มีการ Live Video บนโซเชียลมีเดียเพื่อขายสินค้าพร้อมส่วนลดในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้เกิด Engagement บนช่องทางออนไลน์
5.การสร้างคอนเทนต์ระดับ Hyper-Personalization
Hyper-Personalization คือการนำข้อมูลของลูกค้ามาให้ AI วิเคราะห์เพื่อดูว่าลูกค้ามีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร ทำให้แบรนด์ได้ Insights นำไปใช้พัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีนักการตลาดเกือบ 90% ที่มองว่าการทำ Personalization ช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้แบรนด์มีกำไรเพิ่มขึ้น รวมทั้งทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการที่ได้เห็นคอนเทนต์ ส่วนลด และสินค้าแนะนำได้ตรงกับความต้องการของตัวเองจริงๆ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจากหลายองค์กรที่ระบุว่าลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ทำ Personalized Content มากกว่าถึง 80% การทำ Personalized Content จึงยังเป็นเทรนด์การตลาดที่แบรนด์ยังใช้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และนำไปสู่การซื้อสินค้าได้
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- นำ AI และ ML มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อปรับแต่งคอนเทนต์ต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบ Real time
- นำซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์เข้ามาใช้วิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบัน เพื่อให้แบรนด์รู้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วนำมาเปลี่ยนแผนการนำเสนอสินค้าใหม่เหมาะตรงกับความต้องการมากขึ้น
- นำข้อมูล Location ของลูกค้าที่อนุญาตให้แอป Track กิจกรรมมาดูว่ามีลูกค้าอยู่ในแต่ละพื้นที่มากแค่ไหน เพื่อทำโฆษณาเฉพาะพื้นที่ ช่วยให้แบรนด์ทำ Ads ที่ต่างกันเพื่อสื่อสารถึงลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้
6.Social Commerce ยังเป็นเทรนด์การตลาดที่ใช้ได้
Social Commerce คือการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันก็มีช่องทางอย่าง Facebook Shops, Instagram Shopping และ TikTok Shop ที่ต่างก็แข่งกันพัฒนาฟีเจอร์การซื้อขายเพื่อผู้ใช้ใช้งานแอปนานที่สุด แม้เทรนด์นี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังเป็นวิธีที่แบรนด์ใช้กันอยู่ เพราะเข้าถึงลูกค้าง่ายเนื่องจากเป็นโซเชียลมีเดียที่ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้อยู่แล้ว และยังสามารถสร้างคอนเทนต์เพื่อโปรโมตและขายสินค้าได้หลายรูปแบบ ทำให้กระบวนการทุกอย่างทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ขายทำได้บนแพลตฟอร์มเดียว
ซึ่งในปี 2025 Accenture คาดการณ์ว่าเทรนด์การตลาดแบบ Social Commerce จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และจะมีคน Gen Y และ Gen Z เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก โดยมีสัดส่วนรวมกันถึง 62% เพราะมองว่านอกจากความสะดวกที่จะได้รับแล้ว การซื้อของออนไลน์ช่วยให้พวกเขาได้สินค้าที่ถูกกว่าการซื้อจากหน้าร้าน โดยมี Facebook เป็นโซเชียลมีเดียหลักในการซื้อสินค้า ตามมาด้วย Instagram และ TikTok
แนวทางการปรับตัวตามเทรนด์
- สร้างแคมเปญให้ลูกค้าทำ UGC แชร์ประสบการณ์การใช้สินค้าลงโซเชียลมีเดีย จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ และเป็นการโปรโมตสินค้าไปด้วย
- จับมือกับ Influencer ในการโปรโมตสินค้า เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้น และยังสื่อสารกับลูกค้าได้ตามความต้องการด้วย
- นำ Chatbot เข้ามาช่วยในการตอบคำถามลูกค้าผ่านแชท เพราะจะช่วยให้ลูกค้าได้ความรู้สึกเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว และยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการช่วยเหลือลูกค้าอีกด้วย
ทั้ง 6 เทรนด์นี้คือ Marketing Trend 2025 ที่ WOW ได้รวบรวมและสรุปเอาไว้ ซึ่งนักการตลาดยังต้องให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาดให้กับแบรนด์ และสร้าง Personalized Content ให้ลูกค้า รวมถึงรูปแบบการนำเสนอที่แบรนด์ยังต้องให้ความสำคัญกับคลิป เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูดลูกค้าง่าย และยังเข้ามาช่วยให้การสื่อสารมีความแปลกใหม่อีกด้วย
เราคัดสรรเนื้อหาคุณภาพ อยากอัพเดทความรู้ ให้ทันเทรนด์?
กด Subscribe เราสิ!
แหล่งอ้างอิง