ขั้นตอนการสร้างโปรแกรม Onboarding ที่ประสบความสำเร็จ
การ Onboarding พนักงานใหม่อย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว กระบวนการ Onboarding ที่ออกแบบมาอย่างดีไม่เพียงช่วยให้พนักงานใหม่เรียนรู้งานได้เร็วขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการรักษาพนักงาน สร้างความผูกพันต่อองค์กร และส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแกร่ง
บทความนี้จะแนะนำ ขั้นตอนสำคัญในการสร้างโปรแกรม Onboarding ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมตัวอย่าง Onboarding Program ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Onboarding คืออะไร: ความหมายและความสำคัญที่องค์กรควรทราบ และ Onboarding และ Orientation ความแตกต่างระหว่าง
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์ความต้องการและกำหนดวัตถุประสงค์
ก่อนเริ่มออกแบบโปรแกรม Onboarding คุณต้องทำความเข้าใจความต้องการขององค์กรและพนักงานใหม่อย่างชัดเจน
สิ่งที่ต้องทำ
- วิเคราะห์ช่องว่างในกระบวนการ Onboarding ปัจจุบัน
- กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและวัดผลได้
- ระบุ KPI สำหรับวัดความสำเร็จของโปรแกรม
- รวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้จัดการ พนักงานที่เข้าร่วมโปรแกรม Onboarding ก่อนหน้า และฝ่าย HR
ตัวอย่างวัตถุประสงค์ของโปรแกรม Onboarding
- ลดระยะเวลาในการเรียนรู้งานจาก 6 เดือนเหลือ 3 เดือน
- เพิ่มอัตราการรักษาพนักงานใหม่ในปีแรกจาก 70% เป็น 85%
- เพิ่มคะแนนความผูกพันของพนักงานใหม่ให้สูงกว่า 80%
- ลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการ Onboarding ของฝ่าย HR ลง 30%
ขั้นตอนที่ 2: ออกแบบโครงสร้างและกำหนดไทม์ไลน์
หลังจากกำหนดวัตถุประสงค์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบโครงสร้างและไทม์ไลน์ของโปรแกรม Onboarding
สิ่งที่ต้องทำ
- กำหนดช่วงเวลาของโปรแกรม Onboarding (90 วัน, 6 เดือน หรือ 1 ปี)
- แบ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น ก่อนวันแรก, วันแรก, สัปดาห์แรก, เดือนแรก, 90 วัน
- ระบุกิจกรรมและผู้รับผิดชอบในแต่ละช่วง
- สร้างไทม์ไลน์ที่ยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับตำแหน่งงานต่างๆ
ตัวอย่างไทม์ไลน์ Onboarding
ช่วงเวลา | กิจกรรมหลัก | ผู้รับผิดชอบ |
---|---|---|
ก่อนวันแรก | ส่งเอกสารต้อนรับ, เตรียมอุปกรณ์, ตั้งค่าระบบ | HR, IT |
วันแรก | ปฐมนิเทศ, แนะนำทีม, สอนระบบพื้นฐาน | HR, ผู้จัดการ |
สัปดาห์ 1 | ฝึกอบรมพื้นฐาน, พบพี่เลี้ยง, กำหนดเป้าหมายระยะสั้น | ผู้จัดการ, พี่เลี้ยง |
สัปดาห์ 2-4 | ฝึกอบรมเฉพาะตำแหน่ง, เริ่มงานจริง, ติดตามผลรายสัปดาห์ | ผู้จัดการ, พี่เลี้ยง |
เดือน 2-3 | ประเมินผล 90 วัน, ปรับแผนพัฒนา, ขยายเครือข่าย | ผู้จัดการ, HR |
เดือน 4-6 | เพิ่มความรับผิดชอบ, พัฒนาทักษะเพิ่มเติม | ผู้จัดการ |
เดือน 7-12 | ประเมินประจำปี, วางแผนเส้นทางอาชีพ | ผู้จัดการ, HR |
ขั้นตอนที่ 3: พัฒนาเนื้อหาและเอกสารที่จำเป็น
เนื้อหาและเอกสารที่ดีเป็นส่วนสำคัญของโปรแกรม Onboarding ที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ต้องทำ
- สร้างคู่มือพนักงานที่เข้าใจง่ายและทันสมัย
- พัฒนาชุดการฝึกอบรมสำหรับทักษะพื้นฐานและเฉพาะตำแหน่ง
- จัดทำ checklist สำหรับพนักงานใหม่และผู้จัดการ
- ออกแบบแบบฟอร์มต่างๆ ที่จำเป็น เช่น แบบประเมิน แบบติดตามความก้าวหน้า
ตัวอย่าง Onboarding Checklist สำหรับพนักงานใหม่:
ก่อนวันแรก
[ ] กรอกเอกสารการจ้างงานและข้อมูลส่วนบุคคล
[ ] อ่านและทำความเข้าใจคู่มือพนักงาน
[ ] เตรียมเอกสารสำหรับการลงทะเบียนผลประโยชน์
วันแรก
[ ] เข้าร่วมการปฐมนิเทศ
[ ] รับอุปกรณ์และบัญชีผู้ใช้
[ ] พบผู้จัดการและทีมงาน
[ ] ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ทำงาน
สัปดาห์แรก
[ ] เรียนรู้ระบบและเครื่องมือพื้นฐาน
[ ] พบพี่เลี้ยงและวางแผนการเรียนรู้
[ ] เข้าใจบทบาทและความรับผิดชอบ
30 วันแรก:
[ ] เรียนรู้ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับตำแหน่ง
[ ] มีส่วนร่วมในโปรเจ็กต์แรก
[ ] สร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมงานต่างแผนก
ขั้นตอนที่ 4: เลือกเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม
เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของโปรแกรม Onboarding
สิ่งที่ต้องทำ
- เลือกระบบ LMS ที่เหมาะกับความต้องการขององค์กร
- นำเครื่องมือการสื่อสารและการทำงานร่วมกันมาใช้
- บูรณาการกับระบบ HR และระบบอื่นๆ ที่มีอยู่
- จัดเตรียมคู่มือการใช้งานระบบสำหรับพนักงานใหม่
ตัวอย่างการใช้ LMS ในโปรแกรม Onboarding:
- หลักสูตรเรียนรู้ด้วยตนเอง – สร้างหลักสูตรออนไลน์ที่พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ตามจังหวะของตนเอง
- การติดตามความก้าวหน้า – ใช้ระบบติดตามความก้าวหน้าเพื่อดูว่าพนักงานได้เรียนรู้อะไรไปแล้วบ้าง
- การประเมินอัตโนมัติ – สร้างแบบทดสอบและการประเมินเพื่อวัดความเข้าใจ
- ฟอรัมและชุมชน – สร้างพื้นที่สำหรับพนักงานใหม่ในการถามคำถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
- ห้องสมุดความรู้ – รวบรวมเอกสาร วิดีโอ และทรัพยากรที่จำเป็นไว้ในที่เดียว
ขั้นตอนที่ 5: กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบ
การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจนช่วยให้มั่นใจว่าทุกส่วนของโปรแกรม Onboarding จะดำเนินไปอย่างราบรื่น
สิ่งที่ต้องทำ
- ระบุผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในกระบวนการ Onboarding
- กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย
- สร้างระบบการติดตามและการสื่อสารระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
- จัดตั้งระบบพี่เลี้ยงหรือโค้ช
ตัวอย่าง Role Matrix ในโปรแกรม Onboarding:
บทบาท | ความรับผิดชอบหลัก | ระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง |
---|---|---|
HR | ดูแลภาพรวมของกระบวนการ, จัดการเอกสาร, จัดปฐมนิเทศ | ตลอดกระบวนการ |
ผู้จัดการ | กำหนดเป้าหมาย, ติดตามความก้าวหน้า, ให้ข้อมูลย้อนกลับ | ตลอดกระบวนการ |
พี่เลี้ยง (Buddy) | สนับสนุนรายวัน, ตอบคำถาม, แนะนำวัฒนธรรมองค์กร | 1-3 เดือนแรก |
IT | เตรียมอุปกรณ์, ตั้งค่าระบบ, สอนการใช้เทคโนโลยี | วันแรกและตามความจำเป็น |
เพื่อนร่วมทีม | สนับสนุนการทำงาน, แบ่งปันความรู้ | ตลอดกระบวนการ |
พนักงานใหม่ | เรียนรู้อย่างกระตือรือร้น, ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น | ตลอดกระบวนการ |
ขั้นตอนที่ 6: ดำเนินการและปรับแต่งตามความเหมาะสม
หลังจากวางแผนและเตรียมความพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำโปรแกรม Onboarding ไปใช้จริง
สิ่งที่ต้องทำ
- เริ่มใช้โปรแกรมกับพนักงานใหม่กลุ่มเล็กก่อน (Pilot Program)
- รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
- ปรับแต่งโปรแกรมตามข้อเสนอแนะและข้อสังเกต
- ฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจบทบาทและกระบวนการ
ตัวอย่างแผนการดำเนินการสำหรับการเริ่มใช้โปรแกรม Onboarding
Phase 1: Pilot (1-2 เดือน)
- ทดลองใช้กับพนักงานใหม่ 5-10 คน
- รวบรวมข้อเสนอแนะผ่านการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม
- วิเคราะห์ผลและปรับปรุงโปรแกรม
Phase 2: Rollout (3-4 เดือน)
- ขยายการใช้งานไปยังทุกแผนกในองค์กร
- จัดการฝึกอบรมสำหรับผู้จัดการและพี่เลี้ยง
- ติดตามและแก้ไขปัญหาที่พบ
Phase 3: Optimization (ต่อเนื่อง)
- ติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับปรุงเนื้อหาและกระบวนการตามข้อมูลที่ได้รับ
- ทบทวนและปรับปรุงโปรแกรมทุกไตรมาส
ขั้นตอนที่ 7: วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การวัดผลและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวของโปรแกรม Onboarding
สิ่งที่ต้องทำ
- กำหนดและติดตาม KPI ที่สำคัญ
- เก็บข้อมูลย้อนกลับจากพนักงานใหม่และผู้เกี่ยวข้อง
- วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุง
- ปรับปรุงโปรแกรมอย่างต่อเนื่องตามผลการวิเคราะห์
ตัวอย่าง KPI สำหรับวัดความสำเร็จของโปรแกรม Onboarding:
KPI | วิธีวัด | เป้าหมาย |
---|---|---|
อัตราการรักษาพนักงานในปีแรก | % ของพนักงานที่ยังคงอยู่หลังจาก 1 ปี | > 85% |
ระยะเวลาในการเรียนรู้งาน | จำนวนวันจนถึงวันที่พนักงานทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ | < 90 วัน |
ความพึงพอใจของพนักงานใหม่ | คะแนนจากแบบสำรวจ | > 4.2/5 |
การเข้าร่วมกิจกรรม Onboarding | % ของกิจกรรมที่พนักงานเข้าร่วม | > 90% |
อัตราการทำ Onboarding checklist | % ของรายการที่ทำเสร็จตามกำหนด | > 95% |
ความพึงพอใจของผู้จัดการ | คะแนนจากแบบสำรวจผู้จัดการ | > 4.0/5 |
ตัวอย่าง Onboarding Program จากในอุตสาหกรรมต่างๆ
เรามาดูตัวอย่าง Onboarding program จากองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้
1. บริษัทเทคโนโลยี
โครงสร้างโปรแกรม
- ก่อนวันแรก: ส่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไปที่บ้าน พร้อมคู่มือการตั้งค่าเบื้องต้น
- สัปดาห์แรก: Bootcamp เข้มข้น 5 วัน เรียนรู้วัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีหลัก
- เดือนแรก: โปรเจ็กต์เล็กๆ ที่ได้ผลลัพธ์เร็ว (Quick Win) เพื่อสร้างความมั่นใจ
- 90 วัน: การนำเสนอโปรเจ็กต์แรกต่อทีมและผู้บริหาร
- หลัง 6 เดือน: การมอบหมายโปรเจ็กต์หลักและความรับผิดชอบเต็มรูปแบบ
จุดเด่น: เน้นการเรียนรู้แบบปฏิบัติจริง มีระบบพี่เลี้ยงที่เข้มแข็ง และใช้เทคโนโลยีในการติดตามความก้าวหน้า
2. องค์กรด้านการเงิน
โครงสร้างโปรแกรม
- ก่อนวันแรก: ส่ง Welcome Pack และหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับกฎระเบียบพื้นฐาน
- สัปดาห์แรก: Orientation เข้มข้นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความปลอดภัยข้อมูล
- เดือนแรก: การฝึกอบรมเฉพาะตำแหน่งและการเรียนรู้ระบบที่เกี่ยวข้อง
- 90 วัน: การประเมินความรู้และทักษะโดยละเอียด และการวางแผนพัฒนา
- หลัง 6 เดือน: การกำหนดเป้าหมายระยะยาวและเส้นทางอาชีพ
จุดเด่น: โครงสร้างที่ชัดเจน การฝึกอบรมที่ครอบคลุม และการติดตามประเมินผลที่เข้มงวด
3. บริษัทค้าปลีก
โครงสร้างโปรแกรม
- ก่อนวันแรก: ส่งวิดีโอแนะนำวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมหลัก
- วันแรก: Orientation สั้นๆ ตามด้วยการสังเกตการณ์ในสถานที่จริง
- สัปดาห์แรก: การฝึกอบรมแบบคู่กับพนักงานที่มีประสบการณ์
- เดือนแรก: การหมุนเวียนเรียนรู้งานในแผนกต่างๆ
- 90 วัน: การประเมินผลและการมอบหมายความรับผิดชอบเต็มรูปแบบ
จุดเด่น: เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การสร้างความสัมพันธ์ และความเข้าใจในธุรกิจแบบองค์รวม
ตัวอย่างเทมเพลต Onboarding Checklist
สำหรับฝ่าย HR | สำหรับผู้จัดการ | สำหรับพี่เลี้ยง (Buddy) | สำหรับพนักงานใหม่ |
จัดเตรียมเอกสารการจ้างงานทั้งหมด | กำหนดเป้าหมาย 30-60-90 วัน | พาเยี่ยมชมสถานที่ทำงาน | ศึกษาข้อมูลขององค์กรและทีมล่วงหน้า |
จัดเตรียมแพ็คเกจต้อนรับ | เตรียมพื้นที่ทำงานและทรัพยากรที่จำเป็น | แนะนำพนักงานใหม่กับทีมและแผนกอื่นๆ | เตรียมเอกสารส่วนตัวที่จำเป็น |
แจ้งทีมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการมาถึงของพนักงานใหม่ | แจ้งทีมเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของพนักงานใหม่ | ช่วยเหลือในการตั้งค่าอุปกรณ์และระบบต่างๆ | ทำความเข้าใจเป้าหมายและความคาดหวังในช่วง 30-60-90 วัน |
จัดตารางการปฐมนิเทศและการฝึกอบรม | จัดตารางประชุมรายสัปดาห์ในช่วง 90 วันแรก | รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในสัปดาห์แรก | จดบันทึกคำถามและข้อสงสัย |
ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ในระบบ HR | จัดเตรียมโปรเจ็กต์เริ่มต้นที่เหมาะสม | ตอบคำถามและให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน | สร้างความสัมพันธ์กับทีมและพี่เลี้ยง |
มอบหมายพี่เลี้ยง | สร้างแผนการเรียนรู้และพัฒนาเบื้องต้น | ติดตามความก้าวหน้าและรายงานปัญหาให้ผู้จัดการทราบ | ขอข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ |
กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักที่พนักงานควรรู้จัก |
ตัวอย่างแบบฟอร์ม Onboarding ที่สำคัญ
นอกจาก checklist แล้ว องค์กรควรมีแบบฟอร์มต่างๆ เพื่อสนับสนุนกระบวนการ Onboarding ดังนี้
1. แบบฟอร์มประเมินความพร้อมก่อนวันแรก
ใช้สำหรับตรวจสอบความพร้อมขององค์กรก่อนที่พนักงานใหม่จะเริ่มงาน ประกอบด้วย
- ความพร้อมด้านเอกสารและกระบวนการ HR
- ความพร้อมด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี
- ความพร้อมด้านการสื่อสารและการฝึกอบรม
- ความพร้อมด้านพื้นที่ทำงานและทรัพยากร
2. แบบฟอร์มแผนการพัฒนา 30-60-90 วัน
ใช้สำหรับกำหนดเป้าหมายและความคาดหวังในช่วง 90 วันแรก ประกอบด้วย
- เป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละช่วง
- ทักษะที่ต้องพัฒนา
- โปรเจ็กต์และงานที่ได้รับมอบหมาย
- การวัดความสำเร็จและเกณฑ์การประเมิน
3. แบบฟอร์มประเมินประสบการณ์ Onboarding
ใช้สำหรับรวบรวมความคิดเห็นจากพนักงานใหม่เกี่ยวกับกระบวนการ Onboarding ประกอบด้วย
- คุณภาพของข้อมูลและการสื่อสารก่อนวันแรก
- ประสบการณ์ในวันแรกและสัปดาห์แรก
- ประสิทธิภาพของการฝึกอบรมและทรัพยากรที่ได้รับ
- การสนับสนุนจากผู้จัดการและพี่เลี้ยง
- ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง
4. แบบฟอร์มติดตามความก้าวหน้ารายสัปดาห์
ใช้สำหรับติดตามความก้าวหน้าของพนักงานใหม่ในแต่ละสัปดาห์ ประกอบด้วย
- สิ่งที่ได้เรียนรู้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ความสำเร็จและความท้าทาย
- คำถามและข้อสงสัย
- แผนสำหรับสัปดาห์ถัดไป
- ทรัพยากรหรือการสนับสนุนที่ต้องการ
เทคนิคสำคัญในการสร้างโปรแกรม Onboarding ที่ประสบความสำเร็จ
นอกเหนือจาก 7 ขั้นตอนหลักแล้ว นี่คือเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยให้โปรแกรม Onboarding ของคุณประสบความสำเร็จ
1. สร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว
ปรับโปรแกรม Onboarding ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงตำแหน่งงาน ประสบการณ์ และรูปแบบการเรียนรู้ของพนักงานใหม่
2. เน้นวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยม
ทำให้พนักงานใหม่เข้าใจและซึมซับวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมตั้งแต่เริ่มต้น ผ่านเรื่องเล่า กิจกรรม และการมีส่วนร่วม
3. สร้างความสมดุลระหว่างเนื้อหาและกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์
โปรแกรม Onboarding ที่ดีต้องมีความสมดุลระหว่างการให้ความรู้และข้อมูล กับการสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันกับทีม
4. ใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย
รวมวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การเรียนในห้องเรียน การเรียนรู้ออนไลน์ การลงมือปฏิบัติ และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
5. ขยายกระบวนการออกไปนานกว่าที่คิด
อย่าจบกระบวนการ Onboarding เร็วเกินไป การ Onboarding ที่มีประสิทธิภาพควรครอบคลุมอย่างน้อย 90 วัน และอาจยาวถึง 1 ปีสำหรับตำแหน่งที่ซับซ้อน
แนวโน้มการทำ Onboarding ในปี 2025
ติดตามแนวโน้มล่าสุดเพื่อพัฒนาโปรแกรม Onboarding ของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- การใช้ AI ในการปรับแต่งประสบการณ์ – AI จะช่วยวิเคราะห์ความต้องการและปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
- การใช้ VR/AR ในการฝึกอบรม – เทคโนโลยีเสมือนจริงจะช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สมจริงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การ Onboarding แบบไฮบริด – รูปแบบผสมผสานระหว่างการ Onboarding แบบออนไลน์และออฟไลน์จะเป็นมาตรฐานใหม่
- การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง – องค์กรจะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้นเพื่อวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงโปรแกรม Onboarding
- การ Onboarding ต่อเนื่อง – การ Onboarding จะไม่จำกัดอยู่แค่พนักงานใหม่ แต่จะรวมถึงการโอนย้ายตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง และการเปลี่ยนแปลงองค์กร
สรุป
การสร้างโปรแกรม Onboarding ที่มีประสิทธิภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับองค์กรทุกขนาด โดยการทำตาม 7 ขั้นตอนที่เราแนะนำ คุณสามารถพัฒนาโปรแกรม Onboarding ที่:
- ช่วยให้พนักงานใหม่ปรับตัวและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
- เพิ่มอัตราการรักษาพนักงานและความผูกพันต่อองค์กร
- สร้างประสบการณ์ที่ดีและประทับใจแก่พนักงานใหม่
- ลดต้นทุนและเวลาในการฝึกอบรม
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
อย่าลืมว่าการ Onboarding ไม่ใช่กิจกรรมครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ ด้วยการวัดผล รวบรวมข้อเสนอแนะ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถสร้างโปรแกรม Onboarding ที่ประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อทั้งพนักงานและองค์กรในระยะยาว