เปรียบเทียบวิธี e-learning 4 แบบ เลือกแบบไหนเหมาะกับโรงเรียน-นักเรียนที่สุด?

ระบบ E-Learning เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น สถาบันการศึกษาหลายแห่งหันมาปรับการเรียนการสอนอยู่ในพื้นที่ออนไลน์มากขึ้น และมาพีคสุดๆ ในปีที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกถูกจำกัดบริเวณ ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ รวมถึงการไปเรียนหรือสอนหนังสือที่โรงเรียนด้วย

โชคดีที่ว่า E-Learning ไม่ใช่เรื่องใหม่ จึงไม่ต้องรอเวลาพัฒนาเพื่อใช้งาน ทุกคนก็สามารถเข้าถึงระบบการสอนออนไลน์ได้แทบทันทีหากมีอุปกรณ์และระบบอินเตอร์เน็ตอยูในมือ

อีกทั้ง ระบบการเรียนออนไลน์ยังมีหลายรูปแบบให้เลือก วันนี้ WOW จึงมาเปรียบเทียบระบบ E Learning ซึ่งอยู่ 4 แบบหลักๆ ในปัจจุบันให้ดูว่า มีรูปแบบไหนบ้าง และสถาบันการศึกษาหรือผู้เรียนควรเลือก ทำ e learning แบบไหน ถึงจะเข้ากับตัวเองที่สุด

ระบบ E Learning คือ อะไร และ LMS คือ อะไร? 

LMS ย่อมาจาก Learning management System คือ แอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์เพื่อการเรียนหรือการฝึกฝน ระบบสามารถทำได้ทั้งบริหาร จัดทำเอกสาร ติดตามผล รายงาน

ที่สำคัญคือ นำเสนอคอร์สเรียนให้กับผู้เรียนได้ LMS ส่วนใหญ่สามารถจัดการข้อมูลได้ทุกรูปแบบ เช่น วิดีโอ คอร์สเรียน และเอกสาร

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน หากเราพูดถึง E Learning จะไม่เท่ากับ LMS เพราะ e learning หมายถึง การเรียนออนไลน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ใดก็ได้ แต่ LMS จะเป็นแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ

หมายความว่า LMS อยู่ในระบบ e learning ทั้งหมด ทีนี้เรามาดูข้อมูลของแต่ละระบบอย่างละเอียดกันว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไร และมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

อ่าน : เว็บที่ดี เว็บสวย หน้าตายังไง? เว็บไซต์เราต่างจากคู่แข่งได้อย่างไร?

4 ทางเลือก ระบบเรียนออนไลน์ E-Learning

1. ระบบ Learning Management Systems (LMS)

e-learning, สอนหนังสือออนไลน์, lms คือ, learning management system คือ

Learning Management Systems (LMS) เป็น ทางเลือกหรือรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ที่คนนิยมใช้มากที่สุด ผู้สอนและผู้เรียนสามารถใช้งาน LMS ได้เสมือนเป็นห้องเรียนจริงๆ เลย ทั้งการเปิดคลาสอภิปรายในชั้นเรียน อัพโหลดไฟล์การอ่าน แสดงคลิปวิดีโอหรือเล่นคลิปเสียง รวมถึงประเมินการเรียนหรือประกาศผลการสอบก็ทำได้หมด

ระบบ LMS ยังสามารถเก็บไฟล์การเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ไฟล์ MS Office วิดีโอ หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน และส่งต่อไปหาบุคคลอื่นได้ เมื่อพูดถึงความกว้างขวางของแพลตฟอร์มประเภทนี้ก็เป็นระบบให้คนใช้งานได้พร้อมกันหลายคนได้

ทางเจ้าของแพลตฟอร์มยังเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เช่น โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา หรือเก็บไว้บนระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ Cloud ซึ่งทางเลือกอย่างหลังก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในเวลานี้

ฟีเจอร์หลักหรือมาตรฐานของ LMS โดยทั่วไป

  • ระบบเก็บข้อมูลเชิงสถิติเพื่อประเมินและสรุปเป็นรายงาน (Analytics)
  • แอปพลิเคชัน
  • ระบบส่งงาน/การบ้าน (Assignment)
  • พื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรืออภิปราย (Forum)
  • พื้นที่อัพโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์
  • ระบบให้คะแนน (Grading)
  • ระบบส่งข้อความอัตโนมัติ
  • ปฏิทินออนไลน์
  • ข่าวสารและการประกาศออนไลน์
  • การสอบออนไลน์ (Quiz)
  • สารานุกรมออนไลน์
  • ระบบเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย (Social Media Widgets)

 

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจในระบบ LMS ที่น่าพูดถึง เช่น

  • พื้นที่อภิปราย : ชั้นเรียนที่ต้องการสร้างพื้นที่เพื่อตอบคำถามของคนในชั้นเรียน อาจจะเป็นคำถามทั่วไปหรือคำถามเกี่ยวกับวิชาเรียน ก็สามารถสร้างพื้นที่ได้ที่นี่
    นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อการเรียน หรือพบปะกันระหว่างผู้เรียนก็ได้ด้วย
    อาจเรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้เป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์เชิงการเรียนและการใช้ชีวิต(ในสังคม)ในเวลาเดียวกัน
  • ห้องสนทนา : นักเรียนสามารถใช้ช่องทางนี้ตอบโต้พูดคุยทันที (Real time) กับผู้สอนในเวลาที่ทางสถาบันกำหนดได้ ซึ่งช่วยลดข้อด้อยของการเรียนการสอนออนไลน์ ที่มักถูกมองว่าไม่ค่อยมีชีวิตชีวาหรือโต้ตอบไม่ทันใจเท่าการเรียนต่อหน้า (Offline Class)
  • กลุ่มย่อยในห้องเรียน : ระบบ LMS สามารถสร้างกลุ่มย่อยในชั้นเรียน เพื่อแบ่งปันไฟล์ อภิปรายเนื้องาน และมีพื้นที่ทำงานร่วมกัน ตามปกติแล้ว อาจารย์หรือผู้ดูแลพื้นที่สอนหนังสือออนไลน์จะเป็นคนสร้างกลุ่มขึ้นมาและให้วิธีเข้าใช้กับนักเรียน

 

 

เรื่องจริงของ LMS ที่ควรเข้าใจก่อนใช้

ระบบ LMS มีประโยชน์ในด้านการเรียนการสอนหลายอย่าง แต่ผู้สอนและผู้เรียนต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบ LMS เป็น เครื่องมือสำหรับการเรียน ไม่ใช่การเรียนหรือวิชาความรู้ ต้องมีบุคลากรเป็นคนที่เป็นผู้ออกแบบเนื้อหาและนำเนื้อหาไปใส่ในระบบ เปิดชั้นเรียนและดำเนินการเรียนการสอน

และการสอบผ่าน LMS ระบบ LMS ยังมีแตกย่อยออกมาอีกหลายประเภท ซึ่ง WOW จะมาเล่าให้ฟังแบบลงรายละเอียดในโอกาสต่อไป

แต่โดยรวมแล้ว หากสถาบันไหนที่มีแผนสร้างชั้นเรียนออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ระบบ LMS ก็เป็นทางเลือกที่มีฟังก์ชั่นครบครัน หากเลือกใช้จริงๆ ก็แนะนำให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ควบคู่ด้วย

  • ค่าใช้จ่ายการสร้างระบบ การดูแล
  • ความง่ายยากในการใช้
  • บริษัทผู้พัฒนาระบบ LMS เช่น ความน่าเชื่อถือขององค์กร portfolio การสร้างเว็บฯ ต่างๆ ที่ผ่านมา ฯลฯ
  • รูปลักษณ์ของเว็บฯ หน้าตาเป็นอย่างไร เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร
  • ความสามารถของระบบ LMS ในการเชื่อมต่อกับระบบข้อมูลที่ทางสถาบันใช้อยู่ ว่าเชื่อมต่อหรือถ่ายโอนข้อมูลไปหาได้หรือไม่
  • รูปแบบการรองรับสื่อการเรียนของระบบ เช่น ไลฟ์การสอน ออกแบบคอร์สเรียน หรือตัวระบบรองรับการอัพเกรดในอนาคตหรือไม่ (ซึ่งอย่างหลังเป็นเรื่องสำคัญมาก)

 

2. แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียทั่วไปและเพื่อการศึกษาโดยตรง

e-learning, คอลไลน์, สอนหนังสือ

โซเชียลมีเดีย หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปได้โดยง่าย จึงมีผู้ใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียนี้เองเป็นทางเลือกแทน LMS หรืออาจจะเป็นแอพฯ โซเชียลมีเดียเพื่อการศึกษาโดยตรงอย่าง Edmodo โดยเหตุผลที่หลายสถาบันเลือกใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อการสอนคือ

  • ค่าใช้จ่ายที่ถูกหรือฟรีไปเลย
  • เป็นสื่อโซเชียลฯ ที่เน้นว่าเพื่อการศึกษา
  • ไม่ต้องมีอินเตอร์เน็ตที่ความเร็วสูงหรือเสถียรมากก็ใช้งานได้
  • ใช้ง่ายเพราะหน้าตาแอพฯ ที่คล้ายกับโซเชียลมีเดียทั่วไป

หลายโรงเรียนที่เพิ่งหันมาเปิดคลาสออนไลน์หรืออยากชิมลางการสร้างชั้นเรียนออนไลน์อาจใช้วิธีนี้เป็นการทดลองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และรูปแบบนี้อาจจะเหมาะกับเฉพาะคลาสเรียนที่ไม่ได้ต้องการการป้องกันข้อมูลการเรียนรั่วไหลเท่านั้น

3. แอปพลิเคชันพูดคุยหรือประชุม

e-learning, คอล zoom, โทรสอนหนังสือ

ระบบประชุมออนไลน์ เป็นทางเลือกการเรียนการสอนที่ได้รับความนิยมเช่นกัน อาจจะมากกว่าแอพฯ โซเชียลมีเดียทั่วไปด้วยเพราะแอพฯ ประชุมโดยเฉพาะส่วนใหญ่จะสามารถรวมตัวผู้ประชุมได้มากถึงขั้นร้อยๆ คน แชร์ข้อความหรือหน้าจอ และจัดการรายงานหน้าชั้นเรียนได้เสมือนจริง

แอพฯ จัดการประชุมเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้แอพฯ ต่างๆ คล่องแคล่วในระดับหนึ่งแล้ว หรือทางโรงเรียนต้องการจัดชั้นเรียนออนไลน์ที่เหมือนชั้นเรียนปกติในเวลาเร่งด่วน แต่ก็มีข้อควรคำนึงบางอย่างสำหรับคนที่คิดใช้แอพฯ เหล่านี้ เช่น

  • กลุ่มผู้ใช้งานเป็นใคร พวกเขาอยู่ที่ไหน มีความจำเป็นต้องใช้แอพฯ เหล่านี้มากแค่ไหน
  • ระยะเวลาในการเรียนออนไลน์ ต้องเรียนออนไลน์ไปตลอดหรือไม่
  • ความต้องการความปลอดภัยของข้อมูล หากทางสถาบันเป็นห่วงเรื่องข้อมูลการสอนรั่วไหล อาจต้องพิจารณาการใช้งานแอพฯ ให้รอบคอบ

4. โทรทางอินเตอร์เน็ต

e-learning, คอลไลน์, โทรสอนหนังสือ

ทางเลือกสำหรับการ E-Learning ทางสุดท้าย คือ การโทรทางอินเตอร์เน็ต วิธีนี้อาจจะเป็นสูตรการทำ E-Learning แบบดั้งเดิมก็ว่าได้ และยังนับว่าเป็นทางเลือกสำหรับการเรียนการสอนได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีการเผยแพร่ความรู้ การเรียนรู้ และทำจากที่ไหนก็ได้ของโลกผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Skype, Google Hangouts เป็นต้น

วิธีนี้ได้รับความนิยมในหมู่การเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว เช่น ติวเตอร์รายบุคคล เพราะเหมือนกับการคุยโทรศัพท์กันแต่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก

แต่หากต้องการแชร์ภาพ สไลด์ หรือส่งการบ้าน การโทรทางอินเตอร์เน็ตอาจไม่ครอบคลุมกิจกรรมในห้องเรียนออนไลน์ที่สำคัญแบบนี้ หรือหากต้องการพัฒนาธุรกิจเป็นโรงเรียนก็อาจต้องปรับไปใช้วิธีอื่นแทน

ทำคอร์สออนไลน์, ทำเว็บสอนหน้งสือ, ทำเว็บไซต์, ระบบ LMS,

เลือกวิธี E-Learning แบบไหน ถึงใช่สำหรับเรา

การเลือกระบบ E-Learning ที่ใช่สำหรับองค์กรและผู้เรียน ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างที่ระบบแต่ละแบบมีว่าตรงกับความต้องการของผู้สอนหรือผู้เรียนหรือไม่ โดยให้เราดูที่เนื้อหาการเรียนการสอน เพราะเนื้อหาเหล่านี้จะสอดคล้อง(หรือควรจะสอดคล้อง)กับประเภทของระบบ E-Learning

พอทราบว่าเนื้อหาเป็นแบบใดก็จะทราบวิธีการเรียนการสอนไปด้วย ลักษณะของเนื้อหาที่มักพบในระบบ E Learning ได้แก่

  1. เนื้อหาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
  2. เนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจของผู้เรียนหรือกระตุ้นการเรียนรู้
  3. เนื้อหาที่ต้องตอบโต้กันระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
  4. เนื้อหาที่จัดทำพิเศษตามความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน

WOW ส่งท้าย

แนวโน้มของสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบันผนวกกับระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่หมุนไปข้างหน้าเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นว่า E-Learning เป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และในวันหนึ่งอาจกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนตัวระบบการเรียนออนไลน์ก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเสมอ

จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้เรียนและผู้สอนจะทำความรู้จักคุ้นเคยกับระบบเรียนออนไลน์ให้เร็วที่สุด ซึ่งที่ WOW เปิดบริการรับทำเว็บไซต์ LMS เพื่อการจัดทำชั้นเรียนออนไลน์แล้ว สามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดหรือปรึกษาเพิ่มเติมก่อนเลือกใช้จริงได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพิ่มโอกาสการเรียนรู้และสร้างมูลค่าเพิ่มที่สร้างสรรค์ในธุรกิจเพื่อการศึกษาของโลกอนาคต

 

อ้างอิง : 

elearningindustry.com, techtalkthai.com

อยากทำเว็บไซต์ธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง ปรึกษา WOW ฟรีที่นี่

รับบทความใหม่ ไปอ่านก่อนใครไหม?

ทำธุรกิจออนไลน์ด้วยความรู้อัปเดต เข้าใจง่าย ได้ยอดขายดีจริงๆ กันดีกว่า!

บทความน่าอ่านในหมวดเดียวกัน

online-learning-drm-solutions
e-Learning

DRM (การจัดการสิทธิ์ดิจิทัล) ในระบบการเรียนการสอนออนไลน์

DRM (การจัดการสิทธิ์ดิจิทัล) ในระบบการเรียนการสอนออนไลน์ การจัดการสิทธิ์ดิจิทัล (Digital Rights Management – DRM) เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเข้าถึงและการกระจายเนื้อหาดิจิทัล เช่น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์, วิดีโอ, และเพลง เพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต ในยุคที่เนื้อหาดิจิทัลสามารถถูกคัดลอกและแชร์ได้อย่างง่ายดาย การใช้ DRM จึงมีความสำคัญมากขึ้นเพื่อรักษาสิทธิ์และผลประโยชน์ของผู้สร้างเนื้อหา รวมถึงการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ความหมายของ DRM DRM คือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อป้องกันและควบคุมการใช้งานเนื้อหาดิจิทัล โดยการจำกัดการคัดลอก,

e-Learning

เคล็ดลับช่วยพัฒนาบุคลากรในองค์กร

เคล็ดลับช่วยพัฒนาบุคลากรในองค์กร การพัฒนาบุคลากรเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจของตนเอง การอบรมเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยพัฒนาความสามารถของบุคลากรในองค์กรให้ดียิ่งขึ้นได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึงการอบรมเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถของบุคลากรในองค์กรโดยใช้คำสำคัญ “พัฒนาบุคลากร” โดยเน้นการสร้างเสริมทักษะและความรู้ของบุคลากรเพื่อให้พร้อมรับมือกับทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานในองค์กร. การประสานงานระหว่างแผนก การพัฒนาความสามารถของบุคลากรในองค์กรส่วนใหญ่จะต้องมีการประสานงานระหว่างแผนกเพื่อให้การอบรมเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน การใช้เครื่องมือเชิงวิชาการเพื่อสนับสนุนกระบวนการประสานงานและการแบ่งหน้าที่ให้กับบุคลากรทุกคนสามารถช่วยในการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างแผนการอบรม การพัฒนาบุคลากรต้องมีแผนการอบรมที่เป็นระบบและเน้นการตระหนักถึงความต้องการของบุคลากรแต่ละคน การวิเคราะห์ความสามารถปัจจุบันและความสามารถที่ต้องการพัฒนาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างแผนการอบรมที่มีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีในการอบรม เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการอบรมบุคลากร การใช้แพลตฟอร์มการอบรมออนไลน์หรือระบบการเรียนรู้ ช่วยให้บุคลากรสามารถเรียนรู้ในรูปแบบที่ยืดหยุ่นและตามต้องการ รวมถึงการใช้การจำลองและเกมเพื่อเสริมทักษะและความรู้   การให้คำแนะนำและการติดตาม การพัฒนาความสามารถของบุคลากรไม่จบที่การอบรมและการสอนเท่านั้น การให้คำแนะนำและการติดตามหลังการอบรมเป็นส่วนสำคัญในการรับรองว่าบุคลากรมีโอกาสนำความรู้และทักษะที่ได้มาไปใช้ในการปฏิบัติงานจริง การวัดผลและการประเมิน การวัดผลและการประเมินความสำเร็จของการพัฒนาบุคลากรเป็นขั้นตอนสุดท้ายและสำคัญที่จะให้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงแผนการอบรมในอนาคต การใช้เครื่องมือวัดผลและการประเมินที่เหมาะสมช่วยให้องค์กรปรับปรุงและพัฒนาการอบรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. การพัฒนาบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเป็นไปได้และความเสถียรในองค์กร