ความคาดหวังสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของคนทำงานหรือทำธุรกิจคือ การเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ความรู้ ทักษะการทำงาน หรือเงินเดือนผลตอบแทน
เพราะนอกจากเป็นความท้าทาย ความรู้สึกอยากเอาชนะ ตามสัญชาตญาณมนุษย์ การเจริญเติบโตหรือก้าวไปข้างหน้ายังการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า เราจะไม่ถูกเบียดหรือแซงหน้าโดยคนคลื่นลูกใหม่ไปแบบง่ายๆ
ข่าวดีก็คือ ทุกวันนี้คนทำงานไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียน ไปหาตัวครูผู้สอนเท่านั้นเพื่อจะได้รับความรู้ แต่สามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้านหรือที่ไหนในโลกก็ได้ ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีกันอยู่แล้ว
เพื่อต้อนรับปี 2021 ที่กำลังใกล้เข้ามาอีกไม่นานนี้ WOW มีเรื่องราวของ 9 ทักษะการทำงาน ทักษะทางธุรกิจ ที่คนทำงานหรือนักธุรกิจ น่าเรียนรู้ไว้เพื่อพร้อมรับกับการทำงานในปีหน้าฟ้าใหม่ ที่เรียนออนไลน์ได้ ที่สำคัญใช้เวลาไม่มาก แค่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ศึกษาเล่าเรียนเองจนเชี่ยวชาญเป็น expert จากที่บ้านได้เช่นกัน!
1. วิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis)
ความสามารถวิเคราะห์และเข้าใจข้อมูล คือ ทักษะที่องค์กรหรือบริษัทห้างร้านแทบทุกแห่งอยากให้พนักงานของตัวเองมีมากที่สุด เพราะความสามารถมองข้อมูลได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เป็นกุญแจสำคัญในการประเมินความสำเร็จของการทำงานหรือกิจกรรมทางธุรกิจได้ในทุกระดับชั้น อย่างเช่น การจัดโปรโมชั่นการตลาด การวางนโยบาย หรือแม้แต่การบริการลูกค้าเล็กๆ น้อยๆ
ถ้าคนทำงานทั่วไปรู้วิธีการเก็บข้อมูล รู้ว่าข้อมูลอะไรบ้างที่ควรเก็บ และหลักคิดการตีความ จนเข้าใจผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานเองได้ ทราบว่ากิจกรรมทางธุรกิจนั้นเป็นผลดีหรือเสียกับธุรกิจแค่ไหน ก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
หรืออย่างน้อยก็ฉุกคิดได้ว่า ควรปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงปัจจุบันหรือไม่ เพราะสมัยนี้ ยิ่งปรับตัวพลิกแพลงเกมได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งพัฒนาไปได้ไกลมากขึ้นเท่านั้น
เครื่องมือที่น่าเรียน : Microsoft Excel, Power BI, Python
2. การตลาดบนโซเชียลมีเดีย (Social media marketing)
แทบทุกคนใช้โซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน การนำธุรกิจไปอยู่ในโลกโซเชียลจึงจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นแน่นอน เรียนรู้วิธีการสร้างโพสต์ กิจกรรม หรือโปรโมชั่นบนโซเชียลมีเดียให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง หรืออย่างน้อยให้ได้ดีพอๆ กับคู่แข่งที่ทำแคมเปญบนโซเชียลฯ ได้สตรองมากๆ ก็ยังดี
เครื่องมือที่น่าเรียน : Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn, Pinterest
อ่านเพิ่ม : Facebook Pixel สร้างโฆษณาบน Facebook ยังไง ให้ลูกค้าคลิกและซื้อมากขึ้น?
ขายของออนไลน์ ช่วงนี้ขายอะไรรุ่ง? 7 กลุ่มสินค้า-บริการมาแรง ปี 2020
3. ความรู้ออกแบบกราฟฟิค (Graphic design knowledge)
เมื่อธุรกิจและการขายเข้าไปอยู่บนโลกออนไลน์ งานสำคัญจะอยู่ที่ “การสร้างภาพ” การทำภาพให้สื่อถึงแบรนด์และสินค้าหรือบริการได้ดี จะช่วยให้ขายสินค้าได้มาก
ดังนั้น ทักษะการออกแบบกราฟฟิคจึงเป็นความรู้ที่คนส่วนใหญ่พยายามเรียนรู้ไว้ให้มีพื้นฐาน โดยเฉพาะคนทำงานสายการตลาด หรือคนทำงานรุ่นใหม่ ที่มักถูกคาดหวังว่าควรมีทักษะทำงานได้หลายอย่างในคนเดียว รวมถึงบริษัทห้างร้านเองก็มองหาคนที่มีทักษะทำงานได้หลายอย่างในคนเดียวด้วย
เครื่องมือที่น่าเรียน : Adobe Photoshop, Adobe Illustrator, Adobe XD หรือ Canva โดยโปรแกรมเหล่านี้สามารถออกแบบกราฟฟิคที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียหรือหน้า Landing page ของเว็บไซต์ได้
4. ทำร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มขายของ (Marketplace platform management)
การมีร้านค้าในหลายช่องทางที่ผู้บริโภคอยู่ คือ หนึ่งในวิธีการขายที่ช่วยให้ธุรกิจทุกแห่งเติบโตได้เร็วขึ้นมาก ช่องทางหนึ่งที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ คือ แพลตฟอร์มขายของ หรือ Marketplace
Marketplace ที่ดังๆ ในบ้านเรา คือมีผู้ใช้งานจำนวนมากทั้งคนซื้อและคนขาย ได้แก่ Shopee, Lazada, Kaidee, Facebook Marketplace, Instagram Shop ฯลฯ
แม้การเปิดร้านค้าบนพื้นที่เหล่านี้จะไม่ยากมาก แต่การเตรียมตัว การมีความรู้อย่างน้อยก็พื้นฐานไว้ก่อน ช่วยให้การต่อยอดพัฒนาง่ายขึ้นหรือไวกว่าได้
เครื่องมือที่น่าเรียน : แพลตฟอร์มขายของที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก
5. บัญชี (Accounting)
การทำบัญชีเป็นเรื่องทั่วไปของการทำธุรกิจ ซึ่ง บัญชี เป็นความรู้แขนงหนึ่งที่ค่อนข้างต้องใช้ความถนัดด้านตัวเลข การคำนวณ ส่วนมากบริษัทห้างร้านจึงมักให้ความสำคัญกับการจ้างงานตำแหน่งบัญชี เพื่อเลือกเฟ้นพนักงานบัญชีที่มีความรู้ระดับดีเยี่ยมมาทำงานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง หรือไม่ถนัด
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้บริหารก็ควรมีความรู้บัญชีเบื้องต้น เพื่อเข้าใจรายงานธุรกรรมการเงินเข้าออก เข้าใจสภาพคล่องขององค์กรได้เอง เพื่อนำไปปรับกับแผนการดำเนินธุรกิจได้สอดคล้องกัน
เครื่องมือที่น่าเรียน : คอร์สบัญชีพื้นฐาน ระบบบัญชีสำหรับนักธุรกิจ มีแบบเป็นคอร์สเรียนออนไลน์ด้วย
6. Google Ads และ Search Engine Optimization (SEO)
Google เป็นระบบค้นหาที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก เป็นพื้นที่สำหรับการโฆษณาทั้งแบบใช้เทคนิค SEO ทำ และจ่ายเงินซื้อ เวลาทำธุรกิจออนไลน์ บริษัทหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดต้องเข้ามาจัดการธุรกิจให้มีตัวตนอยู่บนพื้นที่นี้ให้มากที่สุดและดีที่สุด ซึ่งก็คือการทำ SEO และ SEM นั่นเอง
แนวโน้มที่ธุรกิจและฝ่ายการตลาดจะให้ความสำคัญกับ SEO และ SEM ยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผลสำรวจของบริษัทซอฟต์แวร์การตลาด Hubspot ชี้ว่า นักการตลาดหรือผู้ทำงานด้านการตลาดกว่า 61% ของกลุ่มสำรวจ ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาเอง ด้วยวิธีพัฒนา SEO
ซึ่งศาสตร์ความรู้นี้ไม่ใช่เรียนแล้วจะจบไป แต่ต้องเรียนรู้และติดตามต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากทาง Google หรือเจ้าของระบบค้นหาใดๆ ก็ตาม จะพัฒนาระบบฯ ตลอดเวลา ส่งผลให้ความรู้เดิมที่มีอยู่ อาจจะใช้ไม่ได้อีกกับการอัปเดตใหม่ๆ
ธุรกิจและฝ่ายการตลาดจึงต้องอัปเดตความรู้ต่อไป เพื่อนำความรู้มาทำให้อันดับของแบรนด์ในการค้นหาสูงขึ้น ติดหน้าแรก หรือติดอันดับแรกเลยจะดีที่สุด เพราะยิ่งอันดับดีเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงการเข้าถึงเว็บไซต์ดีขึ้น และนำมาซึ่งข้อมูลลูกค้าและยอดขาย ซึ่งเป็นรายได้ของธุรกิจนั่นเอง
เครื่องมือที่น่าเรียน : SEO และ SEM โดยอย่างแรกเพื่อสร้างการเข้าชมเว็บไซต์ธุรกิจ ส่วนอย่างหลังคือการทำให้ปริมาณการเข้าชมเพิ่มขึ้นด้วยการซื้อโฆษณา
อ่านเพิ่ม : SEO 101: ปู 5 พื้นฐาน ทำ SEO เข้าใจง่ายที่สุด (อัพเดต 2020)
SEO กับ SEM นักการตลาดออนไลน์เลือกใช้งานอย่างไร ให้ดีกับธุรกิจที่สุด?
7. การจัดการโครงการงาน (Project management)
การใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า คือเป้าหมายที่หลายธุรกิจตั้งไว้เป็นเป้าที่อยากจะไปให้ถึง หรืออาจจะเป็นเป้าหมายใหญ่เลยก็เป็นไปได้ เพราะทุกบริษัทจะต้องมีคนคอยดูแล “โปรเจคต์” หรือโครงการงานต่างๆ เพื่อลูกค้า
หลายบริษัทจึงส่งเสริมความรู้ด้านการดูแลโครงการ เพื่อให้พนักงานรู้วิธีการจัดการชิ้นงานอย่างเป็นระบบได้ตามระยะเวลาและงบประมาณที่ตั้งไว้ ซึ่งก็ทักษะที่จำเป็นของนักธุรกิจและคนทำงานที่อยากจะไต่ลำดับขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับบริหารต่อไปด้วย
เครื่องมือที่น่าเรียน : Scrum, Agile, PMP
8. การเขียนโค้ดหรือใช้โปรแกรมทำเว็บพื้นฐาน (Basic coding knowledge)
เจ้าของแบรนด์หรือนักการตลาดต้องมีความจำเป็นหรือรู้สึกเห็นสิ่งที่ต้องแก้ไขหรือปรับหน้าเว็บไซต์หรือเว็บเพจอยู่บ้าง ความสำคัญในการเข้าใจหรือเรียนรู้เรื่อง HTML, CSS หรือโปรแกรมทำเว็บไซต์สำเร็จรูป ซึ่งจะช่วยให้รับมือกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้
เพราะอันที่จริงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สามารถแก้ไขเองได้ หากพอมีพื้นฐานบ้าง เช่น การจัดการขนาด สี ฟ้อนท์ของ ตัวหนังสือ ปรับหัวข้อ ลิงค์ที่อยูในเว็บ ภาพ รายการต่างๆ ฯลฯ การแก้ไขเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ด้วยตัวเอง ช่วยให้ได้ทำความรู้จักระบบออนไลน์ ซึ่งการคลุกคลีและเข้าใจพื้นที่ออนไลน์ที่เป็นหน้าร้านขายสินค้าและบริการมากขึ้นมักช่วยให้เห็นจุดบกพร่องเล็กๆ ที่อาจตกสังเกตได้ด้วย
นอกเหนือไปจากนั้น ส่วนมากแล้วการแก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ด้วยตัวเองยังทำได้รวดเร็วกว่าการรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโปรแกรมให้ช่วยดูแล เพราะบริษัทอาจต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภายนอก หรือหากมีเจ้าหน้าที่อยู่ภายในบริษัท บุคลากรเหล่านี้ก็อาจดูแลรับผิดชอบเนื้องานที่ชิันใหญ่กว่านี้อยู่ก็เป็นได้
เครื่องมือที่น่าเรียน : HTML, CSS เบื้องต้น WordPress หรือระบบเว็บไซต์ที่บริษัทใช้งานอยู่ ส่วนมากหาเรียนได้ในคอร์สออนไลน์ชั้นนำ เช่น Udemy, Codecademy เป็นต้น
9. การทำสื่อภาพเคลื่อนไหวสำหรับอุปกรณ์สื่อสาร (Mobile video production)
Statista บริษัทที่ศึกษาและบันทึกสถิติด้านธุรกิจ เผยสถิติการใช้โลกออนไลน์ล่าสุดเมื่อต้นปี 2019 อาทิ
- ผู้ใช้งาน Instagram กว่า 500 ล้านคนทั่วโลกเข้าดู Stories ในแอปพลิเคชันทุกวัน
- ผู้ใช้งาน Snapchat ต่อวันเพิ่มเป็น 190 ล้านคนแล้ว
- มีผู้ไลฟ์บน Facebook Live ทะลุ 3,500 ล้านครั้งไปแล้ว นับตั้งแต่มีระบบนี้ในปี 2016
ข้อมูลเหล่านี้กำลังบอกอะไรกับเรา ในฐานะคนทำธุรกิจ? ข้อมูลบอกว่า วิดีโอบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ กลายเป็นสิ่งใกล้ตัวและสร้างกิจกรรมของชีวิตคนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ธุรกิจหรือฝ่ายการตลาดจึงต้องรีบศึกษาและเข้าใจวิธีการทำไลฟ์ การสร้างคลิปน่าดูน่าติดตามลงบนแพลตฟอร์มเหล่านี้
ยกตัวอย่างเช่น การทำคลิปเบื้องหลังการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพของทางแบรนด์ วิธีการใช้สินค้าและบริการ ผ่านการไลฟ์หรือทำลง Instagram TV ก็เป็นเรื่องราวที่ผู้คนสนใจ และสร้างตัวตนให้ผู้คนเห็น ซึ่งผู้คนจะเริ่มรู้สึกไว้ใจ เมื่อไว้ใจแล้วก็จะทำให้อยากรู้จักมากขึ้นและนำไปสู่การติดตามและเข้าถึงธุรกิจและผลิตภัณฑ์ตามไปด้วย
เครื่องมือที่น่าเรียน : โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ อาจจะเริ่มแบบง่ายๆ การใช้กล้องบันทึกภาพ การใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่กล่าวไว้ในเนื้อหา
WOW ส่งท้าย
ธุรกิจที่ดี คือธุรกิจที่พัฒนาคุณค่าหรือ ทักษะการทำงาน ที่มี รู้จักจุดเด่นของตัวเอง และก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ซึ่งการก้าวไปข้างหน้า คือการทำเรื่องใหม่ๆ ที่หากขาดความรู้ความเข้าใจ ธุรกิจก็อาจจะไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง หรือได้ผลลัพธ์ออกมาไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป การเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการหรือคนทำงานต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
แต่หากคุณไม่มีเวลาหรือต้องการชิ้นงานเพื่อนำไปต่อยอดเองมากกว่าเริ่มต้นเองที่ระดับศูนย์ WOW We On Web เราคือบริษัทเทคโนโลยีด้านระบบซอฟต์แวร์ ที่เชี่ยวชาญงานออกแบบและทำระบบเว็บไซต์ธุรกิจที่เจ้าของเว็บจัดการหรือดูแลด้วยตัวเองง่ายและสะดวกที่สุด การันตีด้วยลูกค้าเว็บไซต์มากกว่า 200 เจ้า
นอกจากนี้ WOW ยังมีบริการเสริมสำคัญอย่าง Online Marketing Service ที่ช่วยบริหารจัดการ Social Media อย่าง Facebook และ LINE OA ช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ
เท่านั้นไม่พอ ออกแบบไม่เป็น ยังหาสไตล์ไม่ถูก Design Service ออกแบบงานกราฟฟิคเพื่อธุรกิจ WOW ก็จัดให้ ทั้งสองบริการ Online Marketing และ Design ลูกค้าสามารถนำไปบริหารต่อและต่อยอดได้ด้วยตัวเองได้
>>คลิกสอบถามบริการ WOW ทั้งหมดที่นี่<<
เพราะ WOW เชื่อว่า ธุรกิจที่เติบโตได้ดี มาจากไอเดียสร้างสรรค์ ความตั้งใจจริง และการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเข้ากับเนื้องาน ให้ WOW ช่วยคุณต่อยอดเพิ่มกำไรให้ธุรกิจตั้งแต่ตอนนี้