3 Tools เด็ด ที่แทน Audience Insight & Facebook Analytics ได้!

ข่าวเศร้ารับกลางปี 2021 ของวงการการตลาดออนไลน์ตอนนี้ หนีไม่พ้นข่าว Facebook Audience Insights และ Facebook Analytics ปิด โดยทาง Facebook ประกาศว่าจะเปิดให้ใช้ได้วันสุดท้ายในวันที่ 30 มิถุนายน 2021

ซึ่งถึงแม้ว่า Facebook จะประกาศล่วงหน้ากว่า 3 เดือนก่อนปิด แต่ก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาความลำบากให้กับนักการตลาดสักเท่าไหร่นัก เพราะก็ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา ทั้งสองเครื่องมือนี้ช่วยเก็บข้อมูลหลายๆ ด้านของผู้ใช้งาน Facebook ไม่ว่าผู้ใช้งานคนนั้นจะกดไลค์เพจของเราหรือไม่ก็ตาม!

ประโยชน์ของ Facebook Analytics ช่วยนักการตลาดรู้อะไรบ้าง?

1. ผู้คนใช้แอพฯ, เว็บไซต์, เพจเฟสบุ๊ค, กลุ่มเฟสบุ๊ค หรือเครื่องมือต่างๆ ในเฟสบุ๊ค รวมถึง Instagram ด้วย อย่างไร และใช้พื้นที่เหล่านี้สลับกันไปมาอย่างไรด้วย

2. ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟสบุ๊คแบบข้อ 1 ตัวอย่างข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ, เพศ, ถิ่นที่อยู่อาศัย ฯลฯ

3. ผู้ใช้เฟสบุ๊คแต่ละกลุ่ม (แบ่งกลุ่มเป็นเพศ ช่วงอายุ ฯลฯ) เข้าถึงและใช้งานเพจของคุณอย่างไร โดยที่คุณสามารถฟิลเตอร์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้งานเพิ่มเติมไปใช้งานต่อไปได้

แล้ว Facebook Audience Insights ล่ะ? 

1. ผู้ใช้งานเพจของคุณเป็นใคร โดยแบ่งตามอายุ เพศ พื้นที่อยู่อาศัย (เมือง, ประเทศ) อุปกรณ์ที่ใช้ชมเพจ ฯลฯ

2. ปฏิกิริยาของผู้ใช้งานกับโพสต์ต่างๆ ของเพจ ตั้งแต่ ชอบ ไม่ชอบ จำนวนครั้งที่เห็น ซ่อน รายงาน กดไม่ชอบเพจ นอกจากนี้แล้วถ้ากดคลิกที่โพสต์ พวกเขากดอะไรบ้าง (คลิกลิงค์ เว็บ เบอร์โทร ฯลฯ)

ความแตกต่างระหว่าง Analytics และ Audience Insights

สรุปแล้ว Facebook Analytics คือเครื่องมือที่ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ใช้เพจและเฟสบุ๊คทั่วไปนั่้นเป็นใคร และใช้พื้นที่เหล่านี้อย่างไร

ขณะที่ Facebook Audience Insights จะมุ่งเน้นที่คนที่มีส่วนร่วมกับเพจของคุณว่าเขาเป็นใคร ดูว่าเขาทำอะไรบ้างกับโพสต์ของคุณอย่างละเอียดมาก จนเรารู้ว่าต้อง take action ทำอะไรต่อ โดยแทบไม่ต้องคิดต่อยอดอะไรมาก รวมถึงดาวน์โหลดข้อมูลออกมาได้ด้วย

facebook analytics ปิด, facebook audience insights ปิด, เครื่องมือ facebook, ขายของออนไลน์

Next Step ของนักการตลาดออนไลน์ & ผู้ใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน Facebook

แม้จะเศร้ากับการที่ Facebook Audience Insights และ Facebook Analytics ปิด แต่ในจักรวาลการตลาดออนไลน์ก็ยังมีเครื่องมืออีกมากมายที่ออกมาให้คุณเลือกใช้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเชิงลึกของ Facebook หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้

ในบทความนี้ WOW เลยค้นหาสืบเสาะ เครื่องมือดูแลโซเชียลที่น่าสนใจหรือน่าลองเล่นใช้งานไปด้วยกันค่ะ

3 เครื่องมือการตลาดออนไลน์สายโซเชียล ที่ใช้แทน Facebook Analytics ปิด (และตัวอื่นๆ)

1. Facebook Ads Manager

Ads Manager เป็นเครื่องมือของ Facebook ที่ใช้สร้างและจัดการโฆษณาบน Facebook ที่เราสร้างขึ้นมา

ซึ่งขั้นตอนจัดการโฆษณานี่แหละ ที่เราจะได้เลือกสรรข้อมูลของผู้ใช้งาน ที่ Facebook จัดกลุ่มเอาไว้แล้วขึ้นมา และได้วิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป จากผลลัพธ์ของโฆษณาที่ปรากฎออกมา

2. Facebook Business Suite

Business Suite เป็นเครื่องมือที่ Facebook เตรียม roll out หรือเปิดให้ใช้งานได้เร็วๆ นี้ ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของทางแพลตฟอร์มเอง ที่จะให้ใช้สิ่งนี้แทน Facebook Analytics ที่ปิดไป

โดย Facebook เผยว่า Business Suite จะเป็น “ร้านให้บริการที่เดียวจบ” ที่ให้เราจัดการบัญชี Facebook และ Instagram ได้ ทำการตลาดออนไลน์ สร้างโฆษณาได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึง การเข้าถึง insights ของผู้ใช้ Facebook และ Instagram นั่นเอง

ข้อมูลที่ Facebook เคลมว่าจะมีอยู่ในเครื่องมือนี้ ได้แก่ การมีส่วนร่วมกับโพสต์ เช่น ไลค์ คอมเมนต์, ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลนั้น เช่น เพศ อายุ ที่อยู่อาศัย และการเข้าถึงเพจของเรา

คร่าวๆ คือเท่านี้ ก็น่าติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่ง Facebook ก็น่าจะเผยโฉมออกมาให้รู้กันไม่นานนี้แน่นอน

3. Creator Studio

Creator Studio คือ เครื่องมือของ Facebook ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างคอนเทนต์หรือ Content Creator โดยเฉพาะ เป็นเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลทุกโพสต์ที่ผู้ใช้งานบันทึกไว้ ติดตาม จัดการ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายหรือเกิดวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ

ในเครื่องมือนี้เอง จึงมีข้อมูลที่นักการตลาดออนไลน์ต้องการอยู่ เช่น ข้อมูลของผู้ติดตามใหม่และผู้ที่เลิกติดตามเราไป, การมองเห็นและมีส่วนร่วมกับโพสต์, การติดตามโพสต์อย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพของโพสต์

รวมถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้มองเห็นหรือผู้ติดตามโพสต์ของเรา เป็นต้น ซึ่งดูๆ แล้วก็แทบไม่ค่อยต่างจาก Facebook Analytics เท่าไหร่เลยนะเนี่ย

WOW ส่งท้าย

ถึง Facebook Analytics ปิด Audience Insights จากไป แต่ก็อย่างที่เห็นว่า ทางแพลตฟอร์มหรือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็ยังคงอัพเดตระบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานต่อไป จนกว่าตัวนวัตกรรมจะไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอีกต่อไป

แต่ถ้าไม่อยากหัวเสียกับแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่บอกกล่าวหรือควบคุมไม่ได้แบบนี้! ทักหา WOW We On Web ทีมงานออกแบบระบบขายของออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพสูง รอคุณอยู่

ระบบสุดเจ๋งที่ช่วยเพิ่มออเดอร์ หาลูกค้าเข้ามาพื้นที่ของคุณ และสร้างพื้นที่การขายที่เป็นของคุณเอง 100% ติดต่อหาเราตอนนี้ที่หน้า Contact Us ของเรา หรือ LINE@: @weonweb ทุกช่องทาง เราพร้อมตอบโจทย์การต่อยอดธุรกิจของคุณค่ะ 

อ้างอิง :

blog.hootsuite.com/, facebook.com/business/

อยากทำเว็บไซต์ธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง ปรึกษา WOW ฟรีที่นี่

รับบทความใหม่ ไปอ่านก่อนใครไหม?

ทำธุรกิจออนไลน์ด้วยความรู้อัปเดต เข้าใจง่าย ได้ยอดขายดีจริงๆ กันดีกว่า!

บทความน่าอ่านในหมวดเดียวกัน

why-we-need-blog
Marketing

15 เหตุผลทำไมต้องมี Blog

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมแบรนด์ดังๆ ถึงทุ่มเทเวลาและทรัพยากรมากมายไปกับการทำบล็อก? หรือบางทีคุณอาจกำลังคิดว่า… “ธุรกิจของเราเล็กเกินไป ยังไม่จำเป็นต้องทำบล็อกหรอก” “ลูกค้าของเราไม่น่าจะสนใจอ่านบล็อก” “เรามีโซเชียลมีเดียแล้ว บล็อกคงไม่สำคัญเท่าไหร่” “ไม่มีเวลาพอจะมาทำบล็อกหรอก มีงานอื่นที่สำคัญกว่า” ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ บทความนี้มีไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ 15 เหตุผลต่อไปนี้จะเปิดมุมมองใหม่ให้คุณเห็นว่า ทำไมแบรนด์ระดับโลกถึงให้ความสำคัญกับการทำบล็อก และทำไมธุรกิจของคุณไม่ควรรอช้าที่จะเริ่มต้นทำบล็อกตั้งแต่วันนี้ 1. Blog สร้างลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่าการยิงโฆษณาถึง 3 เท่า รู้ไหมว่าการทำบล็อกให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งแค่ไหน? ลองนึกภาพดูว่าคุณมีบล็อกที่เขียนดี มีเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย แค่นี้คุณก็มีโอกาสได้ลูกค้ามากกว่าการลงโฆษณาถึง

start-your-tour-company
Marketing

เปิดบริษัททัวร์ของคุณอย่างมั่นใจ ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม

การเปิดบริษัททัวร์ในยุคที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ เป็นความท้าทายที่ต้องการมากกว่าแค่ความสามารถในการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ผู้ประกอบการต้องเข้าใจเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงและความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อนมากขึ้น การเปิดบริษัททัวร์ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยทั้งความสามารถในการสร้างโปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจและการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทำไมการเปิดบริษัททัวร์ถึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ? ตลาดการท่องเที่ยวที่เติบโต อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเปิดบริษัททัวร์เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ความต้องการประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับบริษัททัวร์ที่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้ การเข้าถึงตลาดทั่วโลก เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้บริษัททัวร์สามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้ง่ายขึ้น กุญแจสู่ความสำเร็จในการเปิดบริษัททัวร์ 1.การวางแผนธุรกิจที่รอบคอบ วิเคราะห์ตลาดและกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน สร้างแผนการเงินที่รัดกุม รวมถึงการประมาณการรายได้และค่าใช้จ่าย กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวสำหรับบริษัททัวร์ของคุณ 2. การพัฒนาบุคลากร ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางและทักษะการบริการลูกค้า สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้า 3. การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการเปิดบริษัททัวร์ให้ประสบความสำเร็จ ต่อไปนี้คือเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ 3.1