Chrome Extensions SEO เครื่องมือจำเป็นสำหรับ SEO การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับดีใน Google นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะผู้คนส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูล สินค้า และบริการผ่าน Google เป็นหลัก การที่เว็บไซต์ของคุณปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น การทำ SEO นั้นอาจดูซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะเครื่องมือวิเคราะห์และปรับแต่ง SEO ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท
โชคดีที่ Google Chrome มี Extesnsion ฟรีที่ช่วยให้คุณทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลงทุนสูง Extesnsion เหล่านี้ถูกพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อช่วยให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้จะเป็นเครื่องมือฟรี แต่ความสามารถไม่ธรรมดา
สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้, ตรวจสอบปัญหา SEO ได้, ค้นหาคีย์เวิร์ดยอดนิยมได้, ติดตามอันดับการค้นหาได้, ศึกษาคู่แข่งได้, จัดการธุรกิจบน Google ได้
บทความนี้จะแนะนำ Extesnsion ที่จำเป็น พร้อมอธิบายวิธีใช้งานแบบเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทำ SEO ด้วยตัวเอง หรือผู้ที่ต้องการลดต้นทุนในการทำ SEO
เริ่มต้นด้วยการติดตั้ง Extesnsion พื้นฐานที่จำเป็น ไปจนถึงเครื่องมือขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับงาน SEO ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือราคาแพง
Extesnsionพื้นฐานที่ต้องมี
1. Lighthouse – ผู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์อัจฉริยะ
Lighthouse คือเครื่องมือวิเคราะห์ประสิทธิภาพเว็บไซต์จาก Google ที่ช่วยตรวจสอบทุกองค์ประกอบสำคัญแบบครบวงจร
การวิเคราะห์ประสิทธิภาพครบถ้วนของ Lighthouse ครอบคลุมทั้งความเร็วในการโหลด การเข้าถึงของผู้ใช้ การทำ SEO และการปฏิบัติตามมาตรฐานเว็บ ทำให้คุณเห็นภาพรวมของเว็บไซต์อย่างชัดเจน โดยวัดค่าสำคัญเช่น First Paint, Speed Index รวมถึงตรวจสอบ alt text, คอนทราสต์สี meta tags และความเป็น mobile-friendly
คำแนะนำที่เข้าใจง่ายเป็นจุดเด่นของ Lighthouse โดยแสดงคะแนน 0-100 ในแต่ละด้าน พร้อมระบุปัญหาและวิธีแก้ไขที่ชัดเจนทีละขั้นตอน มีตัวอย่างประกอบเพื่อให้เข้าใจวิธีปรับปรุงได้ง่าย แม้ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคมากนัก
ความสะดวกในการตรวจสอบเป็นอีกข้อดี เพราะสามารถรันทดสอบได้ทันทีผ่านเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม บันทึกผลเพื่อเปรียบเทียบได้ และใช้งานได้กับทุกเว็บไซต์ ทำให้สามารถตรวจสอบก่อน-หลังปรับปรุงเว็บ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ค้นหาจุดที่ต้องแก้ไข และวัดผลการปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Wappalyzer – นักสืบเทคโนโลยีเว็บไซต์
Wappalyzer เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เทคโนโลยีเบื้องหลังเว็บไซต์ที่ช่วยเปิดเผยว่าเว็บนั้นสร้างและทำงานด้วยเทคโนโลยีอะไรบ้าง
เครื่องมือนี้แสดงข้อมูลระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ใช้ เช่น WordPress หรือ Drupal, JavaScript frameworks ต่างๆ เช่น React หรือ Vue.js รวมถึงระบบวิเคราะห์และติดตามผล เช่น Google Analytics ทำให้เข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์
การศึกษาคู่แข่งทำได้ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีอะไร มีระบบอะไรที่ทำให้เว็บทำงานได้ดี สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเว็บของตัวเองได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการเว็บไซต์
3. Redirect Path – ผู้ตรวจสอบเส้นทางเว็บไซต์
Redirect Path คือเครื่องมือที่ช่วยติดตามเส้นทางการเปลี่ยนแปลง URL และการเชื่อมโยงของลิงก์บนเว็บไซต์
เมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทาง Redirect Path จะแสดงรหัส HTTP status ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เช่น 301 (การย้ายแบบถาวร), 302 (การย้ายชั่วคราว) หรือแจ้งเตือนเมื่อพบข้อผิดพลาด 404 (ไม่พบหน้า) และ 500 (เซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด)
นอกจากนี้ยังแสดงข้อมูลเชิงเทคนิคที่สำคัญ เช่น ประเภทเซิร์ฟเวอร์, IP address, เวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนเส้นทาง และ header ต่างๆ ช่วยให้แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อและการ redirect ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. Check My Links – ช่างตรวจลิงก์มืออาชีพ
Check My Links เป็นเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบสถานะลิงก์ทั้งหมดในหน้าเว็บ โดยทำการไฮไลท์แยกสีลิงก์ที่ใช้งานได้เป็นสีเขียว และลิงก์ที่มีปัญหาเป็นสีแดง ทำให้เห็นปัญหาได้ทันที
เมื่อพบลิงก์เสีย สามารถคลิกเพื่อดูรายละเอียดข้อผิดพลาดและแก้ไขได้ทันที ช่วยรักษาประสบการณ์การใช้งานที่ดีของผู้เข้าชมเว็บไซต์ และป้องกันผลกระทบต่ออันดับ SEO จากลิงก์เสีย
Extension ขั้นสูงที่น่าใช้
5. SEO Pro Extension – ชุดเครื่องมือ SEO ครบวงจร
ชุดเครื่องมือวิเคราะห์ SEO ครบวงจรที่ช่วยตรวจสอบทุกองค์ประกอบสำคัญของเว็บไซต์
เครื่องมือนี้วิเคราะห์องค์ประกอบ SEO อย่างละเอียด ทั้ง meta title, meta description, heading tags และ canonical URL รวมถึงตรวจสอบ schema markup และ Open Graph tags สำหรับ social media
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ตรวจสอบ Core Web Vitals และสามารถส่งออกข้อมูลในรูปแบบ CSV เพื่อนำไปวิเคราะห์เพิ่มเติมหรือทำรายงาน ช่วยให้การปรับปรุง SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. Advanced GSC Visualizer – วิเคราะห์ข้อมูล Google ด้วยกราฟ
Advanced GSC Visualizer ช่วยแปลงข้อมูลจาก Google Search Console เป็นกราฟที่เข้าใจง่าย โดยรองรับการแสดงผล 3 รูปแบบหลัก: Line Chart สำหรับดูแนวโน้มตามเวลา, Bar Chart สำหรับเปรียบเทียบข้อมูล และ Area Chart สำหรับแสดงสัดส่วนและปริมาณรวม การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถเปรียบเทียบหลายช่วงเวลาได้พร้อมกัน เช่น เดือนต่อเดือนหรือปีต่อปี พร้อมเส้นแนวโน้มที่แสดงทิศทางการเติบโต และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ช่วยให้เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น
เมื่อต้องการนำไปใช้งาน สามารถส่งออกกราฟและข้อมูลเพื่อทำรายงาน วิเคราะห์การเติบโตของเว็บไซต์ หรือนำเสนอให้ลูกค้าและทีมงานเข้าใจได้ง่าย โดยสามารถปรับแต่งรูปแบบกราฟได้ตามความต้องการ
ข้อดีคือช่วยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลได้ชัดเจน ปรับแต่งการแสดงผลได้หลากหลาย และสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายขึ้น เหมาะสำหรับการวิเคราะห์และติดตามประสิทธิภาพเว็บไซต์ในระยะยาว
7. GSC Enhanced Analytics – เจาะลึกข้อมูลการค้นหา
GSC Enhanced Analytics ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Google Search Console ด้วยการแสดงข้อมูลในรูปแบบที่มีประโยชน์มากขึ้น
ความสามารถหลักคือการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ทำให้เห็นความก้าวหน้าหรือถดถอยได้ชัดเจน ระบบกรองข้อมูลขั้นสูงช่วยให้เลือกดูเฉพาะสิ่งที่สนใจ เช่น แยกตามประเทศ อุปกรณ์ หรือประเภทการค้นหา
ฟีเจอร์การดาวน์โหลดข้อมูลแบบหลายรายการพร้อมกัน (Bulk Download) ช่วยประหยัดเวลาในการรวบรวมข้อมูล ขณะที่ระบบไฮไลท์จะเน้นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น การเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูล Search Console เชิงลึก โดยเฉพาะการติดตามการเปลี่ยนแปลงและการสร้างรายงานสำหรับลูกค้าหรือทีมงาน
8. Instant Rank Checker – ตรวจอันดับแบบทันที
Instant Rank Checker คือเครื่องมือตรวจสอบอันดับการค้นหาแบบเรียลไทม์ที่ทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดหลายแท็บ รองรับ Google มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
เครื่องมือนี้แสดงประวัติการเปลี่ยนแปลงอันดับ ทำให้เห็นว่าเว็บไซต์มีการพัฒนาขึ้นหรือลดลงอย่างไร สามารถเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดเดียวกันได้
อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนครั้งที่ตรวจสอบต่อวัน และผลอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเล็กน้อย เนื่องจากไม่รองรับการค้นหาแบบส่วนบุคคล
เหมาะสำหรับการติดตามอันดับคีย์เวิร์ดแบบรวดเร็ว ตรวจสอบผลกระทบหลังปรับปรุงเว็บ และเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงอันดับในแต่ละวัน
9. GMB Everywhere – จัดการธุรกิจบน Google
GMB Everywhere เป็นเครื่องมือจัดการ Google Business Profile ที่มีฟังก์ชันครบถ้วน ตรวจสอบการยืนยันตัวตนและสถานะธุรกิจ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานอย่าง ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร (NAP) และรีวิวจากลูกค้า
เครื่องมือนี้เชื่อมต่อกับรายงานสำคัญ เช่น PageSpeed ที่วัดความเร็วเว็บไซต์ และ WHOIS ที่แสดงข้อมูลเจ้าของโดเมน นอกจากนี้ยังติดตามประสิทธิภาพของโพสต์และแคมเปญการตลาดบน Google ได้
เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการข้อมูลบน Google ให้ถูกต้อง และติดตามผลการทำการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
10. Keyword Surfer – วิจัยคำค้นหายอดนิยม
Keyword Surfer เป็นเครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่แสดงข้อมูลเรียลไทม์ขณะค้นหาใน Google ทั้งปริมาณการค้นหาต่อเดือนและราคาโฆษณาต่อคลิก (CPC)
ฟีเจอร์สำคัญคือวิเคราะห์การใช้คีย์เวิร์ดในหน้าเว็บ บอกความถี่การใช้คำ ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา ผู้ใช้สามารถสร้าง Collection เพื่อเก็บและติดตามคีย์เวิร์ดที่สนใจ
สามารถส่งออกข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม เหมาะสำหรับวางแผนเนื้อหาและตั้งงบประมาณโฆษณา
11. MST SERP Counter – นับผลการค้นหาแม่นยำ
MST SERP Counter ทำงานอย่างเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ แยกนับผลการค้นหาแบบธรรมชาติออกจากโฆษณาอย่างแม่นยำ ไฮไลท์ผลการค้นหาด้วยสีส้มสะดุดตา แยกระหว่างโฆษณาและผลธรรมชาติ ช่วยให้นับจำนวนได้ง่าย รองรับการค้นหาบนมือถือ ระบุตำแหน่งผลการค้นหาได้แม่นยำ แม้มีการแทรกโฆษณาหรือผลพิเศษ เหมาะสำหรับตรวจสอบอันดับอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของผลออร์แกนิก ประหยัดเวลาในการนับตำแหน่ง ลดความผิดพลาดจากการนับด้วยตา ทำให้การตรวจสอบอันดับมีความแม่นยำมากขึ้น
ข้อแนะนำในการใช้งาน:
- เลือกใช้เฉพาะเครื่องมือที่จำเป็น
- หมั่นอัพเดทให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ระมัดระวังการใช้หลายเครื่องมือพร้อมกัน
- ศึกษาวิธีใช้งานแต่ละเครื่องมือให้เข้าใจ
การใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ
เราคัดสรรเนื้อหาคุณภาพ อยากอัพเดทความรู้ ให้ทันเทรนด์?
กด Subscribe เราสิ!
