ระบบจองห้องพัก เป็นระบบซอฟต์แวร์เพิ่มยอดจองห้องพักโดยตรง เพิ่มกำไรจากการขายห้องพักเป็นรายได้ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น มีระบบตั้งราคาได้เองตามความต้องการห้องพักของลูกค้า ลดอัตราการจองซ้ำจากระบบสมาชิกที่ได้จากการลงทะเบียนในเว็บของโรงแรมเอง ประหยัดเวลาจัดการห้องพักรองรับลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศได้ง่าย ฯลฯ เรียกได้ว่า ซื้อระบบครั้งเดียวคุ้มค่าคำนวนแล้วได้กำไรไปยาวๆ ช่วยเสริมสุขภาพการเงินของโรงแรมให้แข็งแรงอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทว่า ในแวดวงโปรแกรมโรงแรมก็มีตัวเลือกให้ใช้มากมายจนบางครั้งไม่รู้ว่าจะใช้ ระบบจองห้องพัก ตัวไหนดี และก็ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่า ระบบไหนที่ดีที่สุด เพราะตัวระบบที่ดีที่สุดคือระบบที่ช่วยสร้างกำไรและทุ่นแรงให้โรงแรมของคุณได้ดี อาจจะไม่ดีหรือไม่ให้ผลเดียวกันกับโรงแรมอื่นก็เป็นได้
ดังนั้น การตัดสินใจใช้ระบบจองห้องพักจึงควรดูจาก ลักษณะและความต้องการของโรงแรมของเราเป็นสำคัญ บทความนี้ WOW เลยมาแนะนำความต้องการพื้นฐานของโรงแรมแต่ละขนาด ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้ดังนี้
1. โรงแรมขนาดใหญ่ (100 ห้องขึ้นไป)
โรงแรมขนาดใหญ่จะมาพร้อมกับการรองรับลูกค้าจำนวนมากและการบริการอื่นๆ ที่หลากหลาย โรงแรมประเภทนี้จะมีรายได้เข้ามาหลายทาง เช่น ร้านอาหารและบาร์ สถานบันเทิง ห้องจัดประชุม สปอร์ตคลับ ฯลฯ
การจัดการกับรายได้หลายทางและกลุ่มลูกค้าหลายประเภท ทางโรงแรมควรเลือกใช้ระบบจัดการรายได้แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะคำนวณข้อมูลและส่งออกมาเป็นรายงานให้ผู้บริหารนำไปวิเคราะห์ต่อได้ จัดการราคาห้องพักได้ ลดการใช้แรงงานคน และมีความแม่นยำสูง
แต่ระบบจัดการรายรับแบบครบวงจรมากๆ ก็ต้องการผู้เชี่ยวชาญระบบที่มีความชำนาญในการจัดการระบบที่ซับซ้อนเช่นกัน ผู้รับผิดชอบระบบอาจต้องรับการฝึกใช้ระบบอย่างมีขั้นตอน หรือมีพื้นฐานความรู้ด้านระบบจองห้องพัก โรงแรม มาแล้ว
นอกจากนี้ ตัวระบบยังมีราคาสูง จึงเหมาะกับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้งานระบบอย่างแน่นอน และใช้งานระบบในหลายเรื่องด้วย จึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน
2. โรงแรมขนาดกลาง (50 – 100 ห้อง)
โรงแรมขนาดกลางแทบจะคล้ายกันกับโรงแรมขนาดใหญ่ ในเรื่องของการรองรับลูกค้าที่หลากหลายและต้องโฟกัสเรื่องบริการเสริมเพื่อลูกค้าอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นโรงแรมที่สามารถบริหารได้อย่าง “ปราดเปรียว” คือพร้อมปรับเสริมระบบจัดการใหม่ๆ เข้ามาในระบบจัดการห้องพักโดยรวมได้
ด้วยขนาดของห้องพักและบริการ แต่มีความต้องการเป็นโรงแรมที่คล่องตัวนำระบบปฏิบัติการใหม่ๆ เข้ามาใช้ได้ไว โรงแรมขนาดกลางควรเลือกใช้ระบบจองห้องพักที่มีระบบซอฟท์แวร์คำนวนราคาค่าห้องหรือจัดการรายได้ Revenue manager หรือ Revenue management
ระบบ Revenue manager จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการจองห้องพัก และประมวลออกมาเป็นราคาค่าห้องพัก บริการต่างๆ ที่โรงแรมควรใช้เพื่อเพิ่มกำไรต่อการขายแต่ละครั้ง ระบบ Revenue manager ยังเป็นโปรแกรมโรงแรมพื้นฐานสำหรับโรงแรมขนาดกลางที่สามารถรองรับเทคโนโลยีเพื่อโรงแรมใหม่ๆ มาเสริมได้
อีกทางเลือกหนึ่งหากไม่ใช้ Revenue manager คือ การใช้ระบบจัดการราคาทั่วไป ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์แผนการตั้งราคาได้คร่าวๆ อาจจะไม่เต็มร้อย แต่ก็เป็นระบบการจัดการห้องพักพื้นฐานที่โรงแรมขนาดห้องเท่านี้ควรจะมี
3. โรงแรมขนาดเล็ก (10 – 50 ห้อง)
แม้อาจจะมองว่า โรงแรมขนาดเล็กหรือโฮสเทล ก็คงสู้กับโรงแรมขนาดเล็กด้วยกัน แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้น โรงแรมขนาดเล็กจริงๆ แล้วก็สู้กับโรงแรมขนาดใหญ่ด้วย ในเรื่องของราคา แต่ระบบที่โรงแรมขนาดเล็กต้องการจะเป็นระบบที่มีราคาค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ใช้งานง่าย และรองรับการอัปเดตในอนาคต
ระบบซอฟต์แวร์ที่โรงแรมเล็กๆ หรือโฮสเทลต้องการอาจจะไม่เน้นไปที่การจองห้องพักอย่างเดียว แต่เป็นระบบพร้อมเว็บไซต์ที่จัดทำเพื่อแสดงผลเชิง SEO ด้วย ให้น้ำหนักกับการติด Google ค่อนข้างมาก ทำ SEO ดีๆ ให้เว็บไซต์ เพื่อให้เว็บแสดงผลบนระบบค้นหาเวลาที่คนค้นหาห้องพัก สู้กับเว็บโรงแรมคู่แข่ง หรือแพลตฟอร์มจองที่พักและการท่องเที่ยว (OTA) ได้
อย่างไรก็ดี ระบบจองห้องพักในเว็บก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้เกิดการจองตรงมากที่สุด โดยที่เว็บไซต์ต้องดูน่าเชื่อถือหรือได้รับการรับรองจากองค์กรหรือผู้ให้บริการชำระธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งประเด็นนี้ โรงแรมที่จ้างบริษัททำเว็บไซต์จะค่อนข้างตัดความกังวลในประเด็นนี้ไปได้ส่วนหนึ่ง
อ่าน : คู่มือ SEO 101 : วิธีทำ SEO ง่ายที่สุด ไม่มีพื้นฐานก็เข้าใจ! (อัพเดต 2020)
โรงแรมจะใช้ระบบของตัวเองที่มี ดึงลูกค้าคืนจาก OTA ได้อย่างไร?
4. โรงแรมขนาดเล็กมากหรือห้องเช่าชั่วคราว (1 – 10 ห้อง)
โรงแรมขนาดเล็กมากๆ รูปแบบนี้กำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ห้องเช่ารายวัน-รายเดือน คอนโดปล่อยเช่าสัญญารายเดือนรวมน้ำไฟอินเตอร์เน็ต ฯลฯ แต่เพราะด้วยจำนวนของห้องพักที่น้อยมาก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนทำระบบจองห้องพัก
อธิบายให้เห็นภาพ ถ้าคุณมีห้องให้เช่า 1 ห้อง ก็จะไม่มีความจำเป็นต้องทำราคาค่าเช่าให้ขึ้นลงเพราะคุณมีแค่ห้องเดียว ไม่ต้องทำกลยุทธ์ราคาขึ้นลงตามความต้องการลูกค้า
เจ้าของห้องให้เช่าแบบคนทั่วไปที่ทำเชิงลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นิดๆ หน่อยๆ หรือโรงแรมขนาดเล็กมากที่ไม่ได้คิดว่าจะขยายธุรกิจโรงแรมในอนาคตอันใกล้ สามารถเลือกใช้บริการแพลตฟอร์มห้องพักที่ช่วยโปรโมทห้องพัก เช่น Airbnb ที่จะมีระบบตั้งราคาขายห้องแบบ Dynamic ให้ โดยแลกกับโรงแรมจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าบริการให้กับแพลตฟอร์ม
ระบบจองห้องพัก 3 แบบ ที่ตอบโจทย์โรงแรมแต่ละประเภท
WOW We On Web เราคือผู้ให้บริการทำเว็บไซต์เพื่อธุรกิจที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และรับออกแบบเว็บไซต์โรงแรมพร้อมบริการระบบจองห้องพัก ที่เน้นการจองตรงเพื่อเพิ่มกำไรการขายห้อง และดูแลทุกช่องทางการขาย เช่น OTA, Facebook ฯลฯ ได้จากการคลิกที่เว็บโรงแรม เว็บโรงแรมโดย WOW ครอบคลุมฟังก์ชั่นสำคัญ อาทิเช่น
- ระบบจองห้องพักออนไลน์ (Booking Engine) บนหน้าเว็บไซต์
- ระบบอัปเดตข้อมูลห้องพักไปยังช่องทางการขายทุกช่องทาง (Channel Manager) ได้ทันที
- ระบบตั้งราคาตามการจองห้องพักจริงของลูกค้าแต่ละช่วงเวลา (Dynamic Pricing)
- ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า รักษาลูกค้าระยะยาว (CRM)
- ระบบจัดทำรายงานการจองห้องพักและบริการสิ่งอำนวยความสะดวกแบบอัตโนมัติ
- ระบบชำระเงินสมบูรณ์ครบถ้วนในเว็บไซต์โรงแรม
- บริการพิเศษอื่นๆ ที่โรงแรมต้องการเพิ่มเติม
5 เทคนิค เพิ่มยอดจองตรง บนหน้าเว็บโรงแรมแบบง่ายๆ
จากคำแนะนำข้างต้นก็จะเห็นได้ว่า โรงแรมส่วนมากแล้วอย่างไรก็ต้องมีเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อจัดการห้องพัก เพื่อเพิ่มประโยชน์ของเว็บไซต์ให้มากที่สุด WOW จึงแถม 5 เทคนิคใช้เว็บโรงแรมเพิ่มยอดจองตรง ปรับเว็บให้ดึงดูดลูกค้าแบบง่ายๆ ให้ไปประยุกต์ใช้กันดู
1. สื่อสารให้ตรงจุดและทันเหตุการณ์
งานวิจัยของ SABRE ผู้ให้บริการเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจการท่องเที่ยวรายใหญ่ของโลก เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า 74% ของลูกค้าหรือคนที่สนใจห้องพักของโรงแรมจะรู้สึกสับสนและไม่ได้รับประโยชน์จากข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือไม่ใช่เนื้อหาที่กำลังมองหาบนหน้าเว็บโรงแรม
สมมติว่าคุณเป็นคนที่มองหาห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ แล้วบังเอิญเจอเว็บไซต์โรงแรมที่มีโปรโมชั่นห้องพักทั่วไป ลดราคาแบบพื้นฐานไม่ดึงดูด คุณคงไม่รู้สึกว่าอยากจองกับโรงแรมนั้นๆ และออกจากหน้าเว็บไป หรืออาจจะจองแต่ออกไปหาทางเลือกอื่นในการจองให้ได้ราคาที่ถูกกว่า หรือมีโปรโมชั่นตรงกับเทศกาลสงกรานต์อย่างที่คุณตามหา
จากข้อมูลและพฤติกรรมของผู้บริโภค เว็บโรงแรมจึงควรสื่อสารให้เข้ากับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ต้องสร้างแผนการตลาดที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ามองหา ด้วยการเข้าใจพฤติกรรมการซื้อและทันกระแสในขณะนั้น ตัวอย่างการปรับแผนการตลาดเช่น
- ใกล้กับวันหยุดยาว –> โปรโมทการจองที่พักหลายคืนได้ส่วนลดพิเศษกว่า เช่น จอง 4 คืน จ่าย 3 แถมเวาเชอร์อาหารเย็น
- แพ็คเกจฮันนีมูนหรือช่วงวันวาเลนไทน์ –> ขึ้นแพ็คเกจฮันนีมูนสำหรับคนที่ค้นหาห้องพักสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน
- งดเสนอโปรโมชั่นที่ไม่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้า –> ไม่แสดงแพ็คเกจเด็กเล็กเข้าพัก สำหรับคนที่ระบุเข้าพักแบบ business trip หรือผู้ใหญ่ 2 คน
2. ตอกย้ำด้วยข้อความ “ราคาดีที่สุด”
ผู้จองห้องพักจำนวนมากเชื่อว่า การจองห้องพักกับ OTA จะได้ห้องพักที่ราคาคุ้มค่าที่สุด เพราะ ราคา คือ จุดเด่นที่ OTA ใช้ทำตลาดกวาดลูกค้ามาโดยตลอด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ราคาห้องพักที่ดีที่สุดอาจจะอยู่ในเว็บโรงแรมก็ได้ แต่ลูกค้าไม่ทราบ
เว็บโรงแรมสามารถแก้สถานการณ์นี้ด้วยการปรับเว็บให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคากับเว็บอื่นๆ ได้ เช่น ไม่ทำให้หน้าเว็บที่แสดงราคาห้องพักเข้าถึงยาก เพราะคนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนเข้าหน้าเว็บไซต์ หากเว็บโรงแรมรบกวนการใช้งานเว็บไซต์ อาจสร้างความรำคาญและถูกปิดหน้าจอไปได้, ทำให้เว็บไซต์แสดงราคาค่าห้องที่อัปเดตล่าสุดให้ชัดเจน
เพราะเมื่อลูกค้าเห็นราคาห้องพักชัดเจนและสะดวกกับการเปรียบเทียบแล้ว และหากโรงแรมให้ราคาที่ดีที่สุดกับลูกค้าจริงๆ ก็ง่ายขึ้นที่ลูกค้าจะกดจอง
3. เข้าใจเหตุผลของคนที่จากไปและแก้ไขเพื่อดึงกลับมา
เหตุผลสำคัญที่เว็บโรงแรมต้องปรับก็เพื่อให้เจอกับ “ความต้องการ” หรือ “สิ่งที่ขาด” ของแขกที่เข้าพักให้ได้
โรงแรมต้องหาต้นสายปลายเหตุของความต้องการหรือปัญหาของลูกค้าแล้วแก้ไข เช่น การทิ้งการจองห้องพักในเว็บก่อนจ่ายเงิน ลองจำลองการจองของลูกค้าเพื่อตรวจสอบว่า ระบบการจองมีปัญหาหรือสร้างความติดขัดให้กับลูกค้าหรือไม่
หรือสร้างระบบให้ลูกค้าที่ทำการชำระเงินค่าห้องักยังไม่เสร็จสามารถกลับมาดำเนินการต่อให้เสร็จสิ้นได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้วิธีให้ลูกค้าสมัครสมาชิกเว็บโรงแรมก่อนจอง เพื่อให้เว็บสามารถเก็บข้อมูลได้ (และส่งอีเมลไปย้ำให้เกิดการจองได้)
แต่ต้องระวังอย่าให้มีการกรอกข้อมูลในขั้นตอนสมัครสมาชิกมากเกินไปจนลูกค้าเบื่อหน่ายและล้มเลิกการจองได้
4. ยิงโปรโมชั่นให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า
เมื่อลูกค้ากดจองหรือชำระเงินค่าห้องพักในเว็บโรงแรมของคุณเรียบร้อย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการขาย ไม่ใช่จุดเส้นชัย ที่โรงแรมจะไม่สามารถเสนอบริการเพิ่มหรือสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้ยิ่งขึ้นไปอีก
เช่น ก่อนเข้าพัก โรงแรมส่งอีเมลต้อนรับลูกค้าพร้อมเสนอบริการที่เข้ากับการจองห้องพัก อาทิ กิจกรรมกลุ่มสำหรับลูกค้าที่จองมาเป็นหมู่คณะ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับเมนูพิเศษสำหรับลูกค้าที่เป็นคู่รัก
หรือแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ลูกค้าจะได้รับและอื่นๆ ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ เพราะลูกค้าส่วนมากไม่ทราบเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกซึ่งการแจ้งให้ทราบช่วยให้เพิ่มการซื้อขายได้
5. ส่งเสริมลูกค้าให้ร่วมแสดงความคิดเห็น ใส่ใจระบบสมาชิก
สายป่านของโรงแรมคือ เงินและชื่อเสียง เงินทุนสามารถหาได้หลายช่องทาง แต่ชื่อเสียง การพูดกันปากต่อปาก เป็นผลพลอยได้จากการบริหารจัดการทั้งสิ้น โรงแรมควรสร้างบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การกระตุ้นลูกค้าให้รีวิวโรงแรมในแง่ดี
โรงแรมอาจตอบแทนลูกค้าที่รีวิวโรงแรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยคะแนนสมาชิก ซึ่งเป็นการสร้างกระแสโรงแรมเชิงบวกและรักษาระบบสมาชิกของโรงแรมไปในตัว
WOW ส่งท้าย
สถานการณ์โรงแรมในช่วงนี้หรือช่วงที่ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว เป็นช่วงที่โรงแรมสามารถซุ่มบูรณะปรับปรุงสิ่งบกพร่องหรือเสริมเติมของเดิมให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่า การปรับตัวของธุรกิจโรงแรมในช่วงโควิดนี้ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกับการปรับตัวตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นเหมือนทุกๆ ปี
แต่ถ้าธุรกิจโรงแรมเปิดเมื่อไหร่ ที่พักที่พร้อมจะสามารถช้อนลูกค้าได้ก่อน สำหรับโรงแรมหรือธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์และเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการขายระยะยาว WOW พร้อมเป็นที่ปรึกษาและดูแลครบวงจร ปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่องานขายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของธุรกิจของคุณ
