outbound-inbound-marketing-difference

เปรียบเทียบความแตกต่าง Outbound กับ Inbound Marketing

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดที่เคยทำการตลาดด้วยวิธีใดก็ตาม เชื่อว่าต้องเคยทำการตลาดด้วยวิธีที่เรียกว่า Outbound Marketing และ Inbound Marketing มาแล้ว ซึ่งการทำการตลาดทั้งสองวิธีนี้แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือการทำให้ลูกค้ารู้จักทั้งแบรนด์และสินค้า แต่กลับมีวิธีการที่แตกต่างกันและยังส่งผลถึงลูกค้าไม่เหมือนกันอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะไปดูกันว่า Outbound Marketing และ Inbound Marketing คืออะไร และมีความแตกต่างกันตรงไหน 

Outbound Marketing คืออะไร

เราจะเริ่มกันที่ Outbound Marketing ซึ่งก็คือการทำตลาดแบบผลักออก หรือการนำเสนอข้อมูลของแบรนด์ออกไปให้เข้าถึงกลุ่มคนได้มากที่สุด โดยไม่ได้สนใจว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใครผ่านการลงโฆษณาผ่านสื่อทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ โทรศัพท์ วิทยุ ป้ายโฆษณา นิตยสาร และหนังสือพิมพ์

Inbound Marketing คืออะไร

ในทางกลับกัน Inbound Marketing คือการทำตลาดแบบดึงดูด หรือการนำเสนอข้อมูลเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์กำหนดไว้ให้มาสนใจสินค้า และเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าซื้อสินค้าใช้เอง โดยการทำคอนเทนต์เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และสื่อนอกบ้าน

ความแตกต่างระหว่าง Outbound กับ Inbound Marketing 

เราได้เห็นแล้วว่าการทำตลาดทั้งสองวิธีมีความแตกต่างในเบื้องต้นอย่างไร และต่อจากนี้เราจะไปดูในรายละเอียดกันว่าการทำตลาดระหว่าง Outbound Marketing กับ Inbound Marketing มีความแตกต่างกันอย่างไร โดยจะยกตัวอย่างรายละเอียด 6 ส่วน ดังนี้

1. สื่อกลาง และช่องทางการตลาดระหว่าง  outbound และ inbound

  • Outbound Marketing ทำโฆษณาผ่านสื่อที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ ป้ายโฆษณา และนิตยสาร
  • Inbound Marketing ทำโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และการทำ SEO 

สถิติที่น่าสนใจ

ในปี 2024 ช่องทางออนไลน์ถือเป็นสื่อกลางที่ถูกใช้ในการลงโฆษณามากที่สุดด้วยสัดส่วน 59 เปอร์เซ็นต์ โดยมี Facebook เป็นสื่อออนไลน์หลักที่นักการตลาดถึง 86 เปอร์เซ็นต์เลือกใช้เผยแพร่คอนเทนต์

2. กลุ่มเป้าหมาย

  • Outbound Marketing แบรนด์ไม่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ การทำคอนเทนต์จึงเป็นสร้างความสนใจให้คนดูชั่วคราว หรือทำให้คนดูเห็นว่ามีแบรนด์นี้อยู่ 
  • Inbound Marketing แบรนด์มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่กำหนดเอาไว้แล้ว จึงต้องทำคอนเทนต์ที่ช่วยดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจและรู้จักแบรนด์

สถิติที่น่าสนใจ

แม้ว่าการทำ Outbound Marketing จะไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่อยากสื่อสารด้วย แต่ก็ยังเป็นการทำตลาดที่แบรนด์เลือกใช้ โดย HubSpot ให้เหตุผลว่า Outbound Marketing ยังเป็นการทำตลาดที่มีนักการตลาด 50 เปอร์เซ็นต์เลือกใช้ เพราะช่วยให้เข้าถึงคนจำนวนมากและสร้าง Brand Awareness ให้กับแบรนด์ในช่วงแรกได้มากกว่า

3. รูปแบบคอนเทนต์

  • Outbound Marketing เป็นคอนเทนต์ที่ทำขึ้นมาเพื่อโฆษณาสินค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการทำสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์ ทำเสียงโฆษณาทางวิทยุ และการทำสื่อสิ่งพิมพ์ขึ้นป้ายโฆษณา รวมถึงการเขียนคอลัมน์ลงนิตยสาร
  • Inbound Marketing เป็นคอนเทนต์ที่ทำขึ้นมาให้ความรู้และคำแนะนำเพื่อสร้างประโยชน์ โดยการเขียน Blog Post, การทำ Infographic และการถ่ายคลิป ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูดคนให้มาดูได้มากที่สุด

สถิติที่น่าสนใจ

นอกจากคลิปจะเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูดคนได้มากแล้ว ผลสำรวจจาก Wyzowl ยังระบุอีกว่า ในปี 2024 คอนเทนต์คลิปประเภท “คลิปสั้น” ยังเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่มีธุรกิจมากถึง 91 เปอร์เซ็นต์ เลือกนำมาสร้างคอนเทนต์อีกด้วย

4.การตอบรับจากคนดู

  • Outbound Marketing เป็นการสื่อสารที่แบรนด์ส่งข้อมูลออกไปหาคนดูฝ่ายเดียว ทำให้คนดูไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับคอนเทนต์ ยกเว้นการจัดอีเวนต์ซึ่งเป็นการทำ Outbound Marketing ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
  • Inbound Marketing เป็นการสื่อสารที่แบรนด์ทำคอนเทนต์ออกไปหาคนดูและคนดูมีปฏิสัมพันธ์กลับมาได้ ผ่านการแสดงความคิดเห็นที่คอนเทนต์โดยตรง หรือการแสดงความรู้สึก โดยการกด Like และการกด Share

สถิติที่น่าสนใจ

การจัดอีเวนต์ถือเป็นการทำ Outbound Marketing ที่เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด โดยมีรายงานจาก Freeman ระบุว่า

มีผู้เข้าร่วมงาน 80 % ที่มองว่าถ้าอยากรู้ข้อมูลสินค้า

การมางานอีเวนต์จะช่วยให้เราเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุด

5.งบประมาณ

  • Outbound Marketing มีต้นทุนสูง เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผลิตโฆษณาและการเผยแพร่ 
  • Inbound Marketing มีต้นทุนต่ำ เพราะรูปแบบคอนเทนต์ของ Inbound ใช้เวลาและบุคลากรในการผลิตน้อยกว่า นอกจากนี้ยังเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีค่าโฆษณาถูกกว่าด้วย

สถิติที่น่าสนใจ

การทำ Inbound Marketing
ช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่อคน
น้อยกว่า Outbound Marketing ถึง 62%

6.ความน่าเชื่อถือ

  • Outbound Marketing มีความน่าเชื่อถือน้อย เพราะเน้นการเข้าถึงคนจำนวนมากเพื่อสร้าง Brand Awareness เป็นหลัก ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ไม่ได้ ทำให้ไม่ได้รับความสนใจ
  • Inbound Marketing มีความน่าเชื่อถือมาก เพราะแบรนด์มีการสร้างคอนเทนต์ที่เน้นการให้คุณค่าและประโยชน์ไปพร้อมกับการขายสินค้า ช่วยให้เข้าถึงจิตใจของลูกค้าง่าย ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อถือมากกว่า

สถิติที่น่าสนใจ

ด้วยความเชื่อน่าเชื่อของ Inbound Marketing

จากการสร้างคอนเทนต์ที่ให้คุณค่า และเข้าถึงจิตใจของลูกค้า ยัง

ทำให้แบรนด์ที่ใช้การตลาดแบบนี้ได้ Lead เพิ่มขึ้นมากกว่าถึง 54%

กรณีศึกษา: ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ Outbound Marketing

  • Netflix

Netflix คือผู้ให้บริการสตรีมมิงหนังและซีรีส์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และมีการนำ Outbound Marketing มาช่วยในการโปรโมตเพิ่มเติม โดยการขึ้นป้ายบิลบอร์ดตามถนนเส้นหลักที่มี Traffic การเดินทางสูง และนอกจากนี้ Netflix ยังมีการนำ Mural Marketing หรือเทคนิคการทำภาพ Graffiti บนกำแพงอาคารในเขตชุมชนมาช่วยโปรโมตเพื่อสร้างการรับรู้เพิ่มเติม

ตัวอย่างคือการโปรโมตซีรีส์เรื่อง Stranger Things ซีซั่น 3 ที่ Netflix นำสัตว์ประหลาดในเรื่องอย่าง Demogorgon ที่มีหน้าตาสยดสยองมาทำ Graffiti บนกำแพง ผลคือภาพดังกล่าวช่วยดึงดูดความสนใจของคนที่เดินผ่านให้หยุดดู แล้วยิ่งรู้ว่าเป็น Graffiti โปรโมตซีรีส์ ก็จะกระตุ้นให้คนที่เห็นถ่ายรูปเพื่อนำมาลงโซเชียลมีเดียจนมี Engagement เพิ่ม

outbound-marketing-netflix

กรณีศึกษา: ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ Inbound Marketing

  • Starbucks

Starbucks คือแบรนด์ร้านกาแฟที่สามารถนำ Inbound Marketing มาใช้อย่างแยบยล ผ่านกลยุทธ์ Emotional Marketing ซึ่งเราจะเห็นว่าทุกครั้งที่ลูกค้าเข้าไปใช้บริการในร้าน พนักงานก็จะถามชื่อลูกค้าและเขียนลงไปบนแก้ว ซึ่งเป็นการทำให้รู้ว่าแก้วใบนั้นเป็นของลูกค้า และทำให้ลูกค้าไม่อยากเสียของสิ่งนี้ไป จึงต้องถ่ายรูปและนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดียเก็บไว้

นอกจากนี้ การโพสต์ก็ยังเป็นการดึงดูดให้เพื่อนของลูกค้าที่เห็นอยากมาใช้บริการเพื่อรับประสบการณ์แบบเดียวกัน อีกทั้งเป็นการทำให้เห็นว่า Starbucks รับฟังเสียงของลูกค้า และนำคำแนะนำไปปรับปรุงการบริการต่อ

starbuck-inbound-marketing

Outbound Marketing เหมาะกับแบรนด์แบบไหน

Outbound Marketing จะเหมาะกับแบรนด์ที่อยากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ได้เร็ว เพื่อสร้างการรับรู้ว่ายังมีแบรนด์อยู่ หรือต้องการโปรโมตสินค้าในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้แบรนด์ต้องมีต้นทุนสูง เพราะต้องนำไปใช้เป็นทุนในการสร้างผลงานและค่าลงโฆษณากับสื่อหลัก เพื่อสื่อสารข้อมูลออกไป

Inbound Marketing เหมาะกับแบรนด์แบบไหน

Inbound Marketing จะเหมาะกับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งยังต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะแบรนด์ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าและดึงดูดให้ลูกค้าอยากใช้สินค้าในระยะยาว ทำให้แบรนด์ใช้ต้นทุนน้อยกว่า และยังสามารถควบคุมการโฆษณาเองได้

สรุป 

โดยสรุปแล้ว Outbound Marketing กับ Inbound Marketing เป็นการทำตลาดที่มีวิธีการแตกต่างกัน การจะเลือกว่าแบรนด์ของเราควรจะสื่อสารด้วยวิธีการไหนจึงขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า กลุ่มเป้าหมาย หรืองบประมาณ ก็จะช่วยให้แบรนด์เลือกได้ว่าจะใช้การตลาดแบบไหนในการโฆษณาสินค้า

source : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 

อยากทำเว็บไซต์ธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง ปรึกษา WOW ฟรีที่นี่

รับบทความใหม่ ไปอ่านก่อนใครไหม?

ทำธุรกิจออนไลน์ด้วยความรู้อัปเดต เข้าใจง่าย ได้ยอดขายดีจริงๆ กันดีกว่า!

บทความน่าอ่านในหมวดเดียวกัน

inbound-marketing-strategy
Marketing

กลยุทธ์การทำตลาดแบบ Inbound Marketing ทำแล้วลูกค้าเพิ่ม!

ต้องยอมรับว่า Inbound Marketing เป็นการทำตลาดที่ได้รับความนิยมสูง เพราะด้วยวิธีการใช้ที่เน้นไปที่การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์เองผ่านการทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งทำได้ง่ายกว่า แถมยังไม่ต้องลงทุนมากหากเทียบกับ Outbound Marketing แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้ Inbound ทุกครั้งจะได้ผล เพราะถ้าแบรนด์ยังไม่รู้จักเคล็ดลับที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพก็อาจจะทำให้แบรนด์ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่หวังเอาไว้ ในบทความนี้ เราจะไปดูกันว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้างที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แบรนด์ทำ Inbound Marketing ได้ กลยุทธ์การทำตลาดแบบ Inbound Marketing 1.รู้ว่าลูกค้าใช้สื่อช่องทางไหน คงไม่ผิดหากบอกว่าการทำ Inbound Marketing

what-is-inbound-marketing
Marketing

รู้จัก Inbound Marketing พร้อมเทคนิคการใช้ให้ได้ผล ดึงลูกค้าได้อยู่หมัด

ทุกบริษัทอยากให้มีลูกค้าเข้าไปดูสินค้าได้อย่างต่อเนื่องทั้งที่ไม่ได้มีสินค้าใหม่หรือโฆษณาอะไร เพราะถ้าทำได้ก็จะช่วยให้แบรนด์เติบโตในระยะยาว ลูกค้ารู้จักทั้งแบรนด์และสินค้า และหนึ่งในเทคนิคการตลาดที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดลูกค้าก็คือ Inbound Marketing แล้ว Inbound Marketing คืออะไร และจะช่วยให้เราดึงลูกค้าได้อย่างไร เราไปทำความรู้จักกันเลย Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือการทำตลาดที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาหาแบรนด์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์จนลูกค้าเกิดความสนใจและติดตามแบรนด์ ทำให้แบรนด์กลายเป็นตัวเลือกในการใช้บริการของกลุ่มเป้าหมาย วิธีการนี้แตกต่างจาก Outbound Marketing แบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง หากคุณอยากทราบว่าทั้งสองวิธีแตกต่างกันอย่างไรและควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจ